จำนวนผู้ชม

วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

100 ข้อคิดดีๆ สั้นๆ เตือนใจคุณ


บางครั้งการใช้ชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป เราจำเป็นต้องมีหลักยึดเตือนใจ เพื่อให้อยู่ในสังคมอย่างสงบสุข และสง่างาม ไม่เว้นเเต่จะเป็นการปฏิบัติต่อคนที่เราคิดว่าเป็นเพื่อน เพื่อเป็นการรักษามิตรภาพให้ยืนยาว อีกทั้งยังเป็นการคบกันด้วยความจริงใจ ช่วยเหลือกันในยามมีความทุกข์ ในยามสุขก็แบ่งปันให้กันด้วยความจริงใจ หากใครบอกว่า โอ้โหตั้ง 100 ข้อเชียวหรอ แต่ขอบอกว่าลองศึกษาดูก่อน มันไม่มากไม่มายและยากเย็นเกินไปที่เราจะปฏิบัติเลยจริงๆ



1.เอาใจเขามาใส่ใจเรา



2.เชื่อมั่นตัวเอง 3.อย่ามองคนที่หน้าตา



4.กล้าคิด พูด และทำ



5.เมื่อมีเรื่อง จงหมั่นปรึกษาผู้อื่น



6.และจงเป็นที่ปรึกษาให้ผู้อื่นด้วย



7.อย่าโกหกกับเรื่องที่คุณคิดว่าผิด



8.ไว้ใจบุคคลที่สมควรไว้ใจ



9.เปิดใจให้กว้าง



10.มองการณ์ไกล



11.วางแผนอนาคต



12.อย่าโทษตัวเอง



13.มีความรับผิดชอบ



14.ตอบแทนเมื่อได้รับ



15.ให้ในสิ่งที่ผู้อื่นอยากได้และไม่มี



16.อย่าใช้อารมณ์ แต่จงใช้ความคิด



17.คิดถึงส่วนรวมให้มาก



18.ดูแลตัวเองให้เป็น



19.รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี



20.อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า



21.อย่ารู้ค่าสิ่งที่อยู่กับเราต่อเมื่อเราสูญเสียไปแล้ว



22.จงรู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้กำลังทำอะไร



23.ที่ทำอยู่มีผลดี ผลเสีย มีประโยชน์ หรือไร้ประโยชน์



24.อย่าวัวหายแล้วล้อมคอก



25.ให้อภัยแก่ตนเองและผู้อื่น



26.อย่าเก็บอดีตมาทำร้ายตนเอง แต่จงหัดที่จะเรียนรู้จากมัน



27.คนไม่ผิดคือคนที่ใหม่เคยทำอะไร



28.ได้หน้าอย่าลืมหลัง



29.คุณไม่ใช่พระเจ้า อย่าคิดซ่อนความรู้สึก แต่จงวางแผนที่จะดูแลมันไม่ให้เสีย



30.อย่าอ่านข้อความที่มีประโยชน์ผ่านๆ



31.อ่านแล้วคิด คิดแล้วทำ หมั่นพัฒนาตนเอง



32.รู้จักแบ่งเวลา และหน้าที่ 33.ทำประโยขน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง



34.อย่าเห็นแก่ตัว



35.อย่ารอคอยในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง



36.อย่ากลัวในสิ่งที่ตนสามารถสู้หรือเปลี่ยนแปลงมันได้



37.กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หัดเติมให้คนอื่น แล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุณเอง



38.เพื่อนไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันก็คุยกันได้



39.อย่าคิดว่าเขาไม่โทร.มา ถ้าคุณก็ไม่เคยโทร.ไป



40.จง เป็นฝ่ายให้มากกว่าเป็นฝ่ายรับ



41.ดูแลบิดามารดาให้ดี คุณมีโอกาศ รีบทำซะก่อนที่จะไม่มี



42.อย่าเสียใจกับสิ่งที่เลวร้ายหรือสูญเสียไปแล้ว มันไม่กลับมา แต่คุนสามารถทำมันใหม่หรือเรียนรู้จากมันได้



43.คำพูดเมื่อพูดไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับมาได้ ดังนั้น คิด ก่อนพูด



44.อย่าทุ่มเทในสิ่งที่ไร้ประโยชน์



45.คำพูดให้กำลังใจคนได้ ปลอบใจได้ ยุให้ทะเลาะกันได้ ทำให้เสียความรู้สึกได้ จงรู้ที่จะพูด



46.ชีวิตไม่ใช่เกม พลาดแล้วไม่สามารถเริ่มใหม่หรือกดโหลดได้



47.หาจุดหมายให้กับชีวิต



48.เครียดได้ แต่เครียดให้เป็น



49.ถ้างง เขียนหนังสือได้ แต่เขียนให้เป็นภาษา



50.วันๆหนึ่งคุณทำอะไรบ้าง ที่ไม่ใช่ กิน นอน เล่น



51.ไม่มีหมอคนไหนรอให้คนไข้จะตายแล้วค่อยช่วยหรอกนะ



52.เพื่อนคุณก็เช่นกัน อย่าปล่อยให้เขาเครียดจนจะตายแล้วถึงไปถามหรือดูแล



53.ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร ให้มันพักผ่อนซะบ้าง



54.คุณซื้อนาฬิกาได้ แต่คุณไม่สามารถซื้อเวลาได้



55.ตอนนี้มีใครคอยคุณอยู่รึเปล่า ถ้ามีกลับไปหาซะ



56.ตอนนี้คุณถึงเมื่อไหร่ ทำอะไรซะบ้าง



57.อย่ากล่าวคำขอโทษบ่อย มีอะไรดีๆตั้งหลายอย่างที่ทำแล้วไม่ต้องตามไปขอโทษ



58.ตอนคุณลำบากคุณคิดถึงใคร คุณอยากให้ใครช่วยเหลือ



59.ตอนนี้คนกำลังสบายอยู่ แล้วคนที่คุณเคยขอความช่วยเหลือล่ะ หมดประโยชน์แล้วหรือ



60. ไม่ใช่ แล้วไง ต้องให้บอกต่อมั้ย



61.ทำอะไรก้อได้ให้ตัวเองมีความสุข แต่อย่าบนทุกข์ของคนอื่น



62.ตอนที่คนกำลังอ่านประโยคนี้ จงจำไว้ว่าคุณเป็นมนุษย์ และยังมีชีวิตอยู่



63.ใครเป็นคนทำให้คุนมีชีวิต ตอบแทนเขาบ้างหรือยัง



64.ไม่ต้องรอให้ถึงวันพิเศษใดๆ แค่เข้าไปบอกเขาว่ารักก้อเพียงพอแล้ว



65.อย่ารอให้ถึงวันเกิดเพื่อน ถึงจะได้คุยกันหรือให้ของขวัญกัน



66.ไม่มีกฏหมายข้อใดห้ามให้ของขวัญในวันธรรมดา



67.ถ้าเป็นคุณอยู่ดีๆ มีเพื่อนเอาขนมมาให้ คุณจะรู้สึกดีมั้ย หรือดูที่ราคาขนม



68.เหล้าทำให้คุณลืมได้ตอนเมาแอ๋ แต่เพื่อนแท้ทำให้คุณลืมเรื่องร้ายๆได้ตลอดชีวิต



69.อย่าคิดว่าตนเองไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใคร อย่างน้อยๆถ้าคุณได้อ่านข้อความนี้ จงรู้ไว้ว่าคุณยังมีคนพิมพ์คนนี้อีกคน



70.อย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคร้ายที่สุด และอย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคดีที่สุด



71.อย่าพูดว่าไม่มาเป็นเราไม่รู้หรอก ถ้า งั้นคุณก้อไม่รู้เรื่องของเขาเช่นกัน



72.เหนื่อยนักก็หยุดพักซะบ้าง



73.อย่าคิดว่าคนดีไม่มีในสังคม เพราะคุณก็เป็นคนเพียงแต่คุณยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง



74.ปริศนาในเกมคุณแก้ได้ แล้วทำไมปริศนาในชีวิตคุณแก้ไม่ได้ ในเมื่อบทสรุปอยู่ในตัวคุณ



75.คุณมองเพชรที่ความงามภายในหรือป้ายราคาภายนอก



76.ถ้าคุณกินอาหารเหลือ ลองนึกถึงเด็กที่ไม่มีอันจะกิน



77.มีเรื่องราวอีกมากมายที่ไม่ได้เขียนอยู่ในหนังสือ ลองค้นคว้าดูจะรู้



78.ลูกธนูที่ถูกปล่อยจากหน้าไม้ อันตรายน้อยกว่าหอกที่เเทงมาจากข้างหลัง



79.การถูกหักหลังเป็นสิ่งที่เจ็บปวด อย่าให้มันเกิด



80.ทำยังไง ต้องให้ขโมยขึ้นบ้านก่อน ถึงไปดูรั้วบ้านใช่มั้ย



81.ทำใจกับสิ่งต่างๆ ล่วงหน้าไว้บ้างก้อดี



82.จะยกตัวอย่าง สมมติคนที่คุณรักจากไปตอนนี้ คุณคิดว่า คุณทำอะไรให้เขาบ้างหรือยัง



83.อย่าตอบว่าทำยังไงก็ตอบแทนไม่หมด ขอถามว่าทำครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่



84.คุณทำใจได้แล้วหรือถ้ามันเกิดอะไรขึ้น คุณไปร้องไห้ข้างโลงศพ ยังไงเขาก้อไม่ฟื้นมาได้ยินหรอกนะ 85.ตัวคุณมีค่าอยู่แล้ว อยู่ที่คุณรู้จักดึงมันออกมาใช้ได้รึเปล่า 86.หัดคุยกับตัวเองซะบ้าง แล้วจะรู้ว่ามีอะไรอีกมากมายที่คุณยังไม่รู้



87.ร่างกายใช้มากี่ปีแล้ว เคยดูแลมันบ้างรึเปล่า หรือเอาไว้เพื่อให้วิญญาณมีที่สิงสถิต



88.การใส่เสื้อสวยๆไม่ช่วยให้ร่างกายดีขึ้นหรอกนะ ที่ดีขึ้นคือบุคลิกต่างหาก



89.หาความสุขของตัวเองให้เจอ หัดมีความสุขซะบ้าง อดีตเราลืมไม่ได้แต่เลิกคิดได้



90.ลองทำอะไรบ้าๆบ้างก้อดี อย่ายึดติดนักเลย



91.ผู้พิมพ์ไม่ใช่คนรู้อะไรมากมาย ไม่ได้มาโชว์ว่าตัวเองอวดรู้ แต่อยากให้คุณได้รุ้อะไรไว้บ้างก็ดี



92.สิ่งที่คุณปล่อยผ่านๆ ไปในชีวิตหรือเรื่องคุนเห็นว่าไม่สำคัญ กลับมาดูเเลตรงนั้นบ้างก็ดี



93.อย่าไว้ใจใครเกินไป ไม่ได้สอนให้ระแวงไม่ไว้ใจใคร แต่ระวังไว้บ้างก็ดี



94.อย่าตามเพื่อนนัก กินเหล้า เล่นไพ่ เที่ยวหญิงเที่ยว



95.ยาเสพติดทุกชนิด อย่าคิดจะลองเด็ดขาด



96.อย่าทำตามเพื่อนเพราะเพื่อนทำกันหมด ร่างกายเขากับร่างกายเรา แน่นอนจิตใจก็เหมือนกัน



97.ผู้ชายยังไงก้อคือผู้ชาย ผู้หญิงยังไงก็คือผู้หญิง



98.บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป



99.ไม่มีมิตรถาวรและศัตรูที่เเท้จริง



100.จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อตัวเราเอง คนที่เรา รัก และคนที่อยู่รอบกายเรา

ข้อคิดในการใช้ชีวิต

1. อย่าทำลายความหวังของใคร



2. รู้จักฟังให้ดี



3. จะคิดการใดจงคิดการให้ใหญ่ๆเข้าไว้แต่เติมความสุขสนุกสนานลงไปด้วย



4. หัดทำสิ่งดี ๆให้กับผู้อื่นจนเป็นนิสัย



5. เวลาเล่นเกมกับเด็ก ๆ ก็ปล่อยให้แกชนะไปเถิด



6. ใครจะวิจารณ์เรายังไงก็ช่าง ไม่ต้องไปเสียเวลาตอบโต้



7. ให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่ “สอง”แต่อย่าให้ถึง”สาม”



8. ทำตัวให้สบาย อย่าคิดมาก ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแล้วอะไร ๆ มันก็ไม่ได้สำคัญอย่างที่คิดไว้ทีแรกหรอก



9. เมื่อมีใครสวมกอดคุณ ให้เขาเป็นฝ่ายปล่อยก่อน



10. เป็นคนถ่อมตน คนเขาทำอะไรต่ออะไรสำเร็จกันมามากมายแล้วตั้งแต่เรายังไม่เกิด



11. อย่าพูดว่ามีเวลาไม่พอ เพราะเวลาที่คุณมีมันก็วันละยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่าๆกับที่ หลุยส์ ปาสเตอร์ , ไมเคิลแอนเจลโล , แม่ชีเทเรซา, ลีโอนาร์โด ดาวินชี, ทอมัส เจฟเฟอร์สัน หรืออัลเบิร์ต ไอสไตน์ เขามีนั่นเอง



12. เป็นคนใจกล้าและเด็ดเดี่ยวเมื่อเหลียวกลับไปดูอดีตเราจะเสียใจในสิ่งที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำมากกว่าเสียใจในสิ่งที่ทำไปแล้ว



13. ประเมินตนเองด้วยมาตรฐานของตัวเอง ไม่ใช่ด้วยมาตรฐานของคนอื่น



14. จริงจังและเคี่ยวเข็ญต่อตนเอง แต่อ่อนโยนและผ่อนปรนต่อผู้อื่น



15. อย่าระดมสมอง เพราะไอเดียดี ๆ ใหม่ ๆ และยิ่งใหญ่จนสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ล้วนมาจากบุคคลที่คิดค้นอยู่แต่เพียงผู้เดียวทั้งสิ้น



16. คงไว้ซึ่งความเป็นคนเปิดเผย อ่อนโยน และอยากรู้อยากเห็น



17. ให้ความนับถือแก่ทุกคนที่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ ไม่ว่างานที่เขาทำนั้นจะกระจอกงอกง่อยสักปานใด



18. มีมารยาทและอดทนกับคนที่สูงวัยกว่าเสมอ คุณทำอย่างนั้นอยู่หรือเปล่า?

คนโง่....คนฉลาด....คนเจ้าปัญญา....คุณเป็นคนแบบไหน

1. ว่าด้วยการบริหารเป้าหมาย คนโง่ มักใช้ชีวิตอย่างไร้เป้าหมาย....... จึงว่ายไปในโลกกลมๆแล้ววนกลับมาที่เดิม............ ต้องเริ่มต้นใหม่ร่ำไปสู่อนาคตที่ไร้ทิศทาง.......... คนฉลาด มักตั้งเป้าหมายชีวิตยิ่งใหญ่ท้าทาย จึงไม่พอใจกับภาวะที่ตนเป็นสักที......... เพราะดูทีไรก็ยังห่างไกลเป้าหมายเสมอ....... คนเจ้าปัญญา ย่อมมีเป้าหมายสูงสุดแห่งชีวิต และมีเป้าหมายน้อยนิดสานสู่เป้าหมายใหญ่................ จึงมีบันไดแห่งความสำเร็จให้บรรลุเป็นลำดับไป ได้กำลังใจและหรรษาไปตลอดหนทาง

2. ว่าด้วยการรู้จักแจ้งตนเอง คนโง่ อยู่กับตนก็ไม่รู้จักตน จึงกลัวตัวเองไปต่างๆนานา คนฉลาด อยู่กับตนและรู้จักตนดี แต่ไม่รู้สิ่งที่ดีกว่าตน จึงวุ่นง่านอยู่กับการสร้างเนื้อสร้างตัว ปั้นตนให้เป็นแบบต่างๆ คนเจ้าปัญญา ย่อมรู้จักตนดีที่สุดจนทะลุความไม่เป็นตน จึงบริหารตนได้เสมือนการสร้างสรรค์ฟองสบู่ ใช้ประโยชน์สุดกู่แล้วก็สลายวับไป

3. ว่าด้วยจิต คนโง่ แม้เมื่อมีจิตใจก็ไม่เห็นจิตใจ จึงไม่บริหารจิตใจตนแต่สัปดนไปบริหารคนอื่น และมักขื่นขมที่ควบคุมคนอื่นไม่ได้ คนฉลาด เมื่อมีจิตใจก็เข้าใจจิตใจตนแม้จะไม่เห็นอยู่ จึงทู่ซี๊ระวังรักษาและได้ประโยชน์บ้างตามกำลังสติสัมปชัญญะ คนเจ้าปัญญา เมื่อมีจิตใจย่อมเห็นแจ่มแจ้งในจิตใจอยู่ รู้แจ้งพฤติของจืต และอำนาจแห่งใจ จึงสามารถบริหารให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้เสมอ

4. ว่าด้วยความคิด คนโง่ ทำก่อนแล้วจึงคิด จึงผิดพลาดเนืองๆ เปลืองเวลาและความรู้สึก และต้องตามแก้ปัญหาไม่สิ้นสุด คนฉลาด คิดมากก่อนแล้วจึงทำ จึงเพ้อเจ้ออยู่เป็นประจำ แม้ประสงค์จะทำดีมากแต่ทำได้น้อย เพราะเขม่าความคิดมักปิดกลั้นความหาญกล้า คนเจ้าปัญญา คิดไปทำไป จึงทำได้อย่างที่คิด และคิดพอดีที่ทำ ประหยัดพลังงานและบริหารเวลาได้เหมาะสม ลดความหลอนป้องกันความพลาดขื่นขม และประสบความสำเร็จโดยไม่เหน็ดเหนื่อย

5. ว่าด้วยการบริหารกระบวนการคิด คนโง่ ชอบไหลไปตามความคิด จึงมีภารกิจอันไม่รู้ตัวอย่างไม่สิ้นสุด คนฉลาด ชอบสร้างความคิด จึงมีจินตนาการอันสวยหรูที่ไม่เป็นจริงอย่างไม่สิ้นสุด คนเจ้าปัญญา ชอบบริหารความคิด สร้างสรรค์ ตกแต่ง ตัดต่อ และละวางเมื่อสมควร จึงได้ประโยชน์จากความคิดสูงสุด ข้อคิด คนโง่ ที่รู้ตัวว่าโง่ นั่นคือไม่โง่ เพราะรู้จักคิด รับความจริง คนฉลาด รู้ตัวว่าฉลาด เขาย่อมเป็นคนฉลาดอยู่ดี คนโง่อวดฉลาด นี่สิ เรียกได้ว่า บรมโง่ ทีเดียว คนเจ้าปัญญา ถ้าขาดความรอบคอบ ก้อใช่ว่าจะไม่โง่ หรือจะฉลาดเสียไปหมดทุกเรื่อง แต่ถ้าคนเจ้าปัญญา ทำอะไรมีสติ ไม่ประมาท นั่นแหล่ะ "ปราชญ์"

ถ้าไม่สุข.......ก็ทุกข์ให้น้อยลง.......

ถ้าไม่สุข.......ก็ทุกข์ให้น้อยลง....... “ความสุข...อาจทำให้ลุ่มหลง ความทุกข์...ทำให้รู้จักชีวิต จึงควรขอบคุณความทุกข์บ้าง” “เพียงคิดช่วยเขา...ใจเราก็สุขแล้ว เพียงคิดเบียดเบียนเขา...ใจเราก็ทุกข์แล้ว” “น้ำทำให้เรือลอยได้ ก็ทำให้เรือล่มได้ ทรัพย์สินเงินทอง ทำให้คนเป็นสุขได้ ก็ทำให้คนเป็นทุกข์ได้” “การมองข้ามงานเล็กไป จะทำให้งานใหญ่ไม่สำเร็จ” “เพ่งโทษตน...เป็นบัณฑิต เพ่งความผิดคนอื่น...เป็นพาล” “ก้าวแรก ก้าวต่อๆ ไป และก้าวสุดท้าย สำคัญพอๆ กัน ขาดก้าวใดก้าวหนึ่ง ชีวิตจะถึงที่หมายไม่ได้” “คลื่นลมทำให้ทะเลสวย อุปสรรคทำให้ชีวิตงาม .. บุคคลจึงไม่ควรยอมแพ้เมื่อพบอุปสรรค” “หากครั้งนี้ล้มเหลว ครั้งต่อๆ ไปต้องสำเร็จ .. เพราะความสำเร็จ มักมาหลังจากความล้มเหลวเสมอ” “ความวิตกกังวลใจเป็นโรคร้ายของชีวิต ถ้าปล่อยก็ว่าง ถ้าวางก็จะเบา ถ้าเอาก็จะหนัก ความยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นอุบายสร้างสันติ” คาถาการทำงาน “การทำงานคือการพักผ่อน ทำงานเพื่องาน ไม่ใช่ทำงานเพื่ออะไร คนโง่ทำงานแล้วทุกข์ คนฉลาดทำงานแล้วสุข” .....หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ยุ่งยาก กับ เยือกเย็น “ในยามที่เราพบกับความยุ่งยาก ต้องพึ่งพาความเยือกเย็น ค่อยๆ ย้อนลงไปแยกแยะสาเหตุแห่งปัญหา ที่ทำให้เราเร่าร้อน” “เราจะเอาชนะความยุ่งยากของชีวิตได้ ด้วยการเอาชนะความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นในใจของเราเสียก่อน” “จงมองดูความวิตกกังวลของตนเอง มองดูว่ามันทำให้เราเอาชนะปัญหาของเรา หรือมันทำให้เราหมดพลังและพ่ายแพ้” “ปัญหาต่างๆ ของชีวิต ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ความทุกข์ยากที่เราคิดว่ามันแสนสาหัสสำหรับเราในวันนี้ ในวันข้างหน้าเราอาจรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย..”

ข้อคิดดีๆ . . . ความรัก . . .ความผูกพันธ์

วันนี้. . .เราอาจรู้สึกผูกพันต่อสิ่งหนึ่ง จนคิดว่าเราขาดไม่ได้ แต่เวลาจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป สักวันเราจะรู้ว่า. . .สิ่งที่เราผูกพันในวันนี้ เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เติมชีวิตเรา ไม่ใช่. . .ทั้งหมดของชีวิตเรา วันหนึ่ง. . .หากเรามีโอกาสได้เจอสิ่งที่ถูกใจสิ่งใหม่ ที่เราคิดว่าเราพึงใจ ปรารถนา. . .ต้องการ. . .ขาดไม่ได้ เราก็จะเริ่มผูกพันกับสิ่งใหม่ได้ในเวลาไม่นานนัก เมื่อเวลาหนึ่งผ่านไป จะสอนเราได้เองว่า. . . ความผูกพันกับสิ่งใดๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง จะเป็นความสุขในช่วงเวลานั้นๆ อย่าได้ไปยึดติด อย่าได้ไปใช้ชีวิตทั้งชีวิตหลุ่มหลง คิดเสียว่า. . .เราโชคดีที่มีโอกาสได้ผูกพันกับสิ่งที่เรารัก ความผูกพัน. . .ก็เหมือนกับความรัก หรืออาจจะเป็นผลพวงที่มาจากความรัก หากเรารักใครคนใดคนหนึ่งมาก เราก็จะรู้สึกว่าผูกพันมาก แต่ความผูกพันที่ว่า ไม่ได้หมายถึงการหยุดตัวเอง. . . ไว้กับสิ่งนั้น เพราะคนทุกคน ย่อมผูกพันกับหลายๆ สิ่ง เปรียบเสมือนเรามีแก้วน้ำอยู่หนึ่งใบ ในยามเช้าเราอาจต้องใช้แก้วใบนี้ดื่มนม พออากาศร้อนหน่อย เราอาจต้องการน้ำเย็น ๆ บางครั้งที่เราไม่สบาย เราอาจต้องการน้ำอุ่น ใจเราก็เหมือนกับแก้วน้ำ ต้องเติมสิ่งต่าง ๆ ในเวลาที่แตกต่างกัน ตามความเหมาะสม หากเราเติมน้ำเย็นลงไปในแก้วน้ำ แล้วเติมน้ำร้อนลงไปในทันทีในแก้วใบเดียวกัน เราก็จะพบว่าแก้วใบนั้น ก็จะร้าวแล้วเริ่มแตก ซึ่งก็เหมือนกับใจเรา. . . ความผูกพันต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดในช่วงเวลาหนึ่งไม่ผิด ถ้าเราค่อยๆ ปรับใจ ปรับตัวของเราเอง ให้กลับคืนในเวลาที่ควร

นี่สิ...ผู้หญิงที่ผู้ชายหลงรัก

ต่อ ให้สไตล์ความชอบผู้หญิง ในมุมมองของผู้ชาย จะมีมากมายหลากรูปแบบ ประเภทที่บางรายอาจชอบสาวเปรี้ยว สาวห้าว สาวแกร่ง สาวน้อย คิกขุหวานแหวว สาวนุ่มนิ่มเรียบร้อย หรือสาวช่างฝันก็ตาม แต่หากถามว่า ผู้หญิงแบบไหนที่ ผู้ชายสามารถรักได้ไม่ยากนี่สิ คงต้องคิดหนัก ว่าแบบฉบับเวอร์ชั่นไหนถึงจะถูกใจทำให้ชาย หลงใหลได้ปลื้มจนเกิดอาการปิ๊งได้ คงต้องมีสูตรลับพิเศษที่จะช่วยเสริมแต่ง ให้กับสาวๆ ทุกสไตล์ แอบเก็บเอาไปไว้ใช้เป็นคุณสมบัติพิเศษทำเก๋ให้คุณ ผู้ชายได้ใฝ่ฝันถึง ไม่ว่าคุณจะเป็นสาวสไตล์ไหน เคล็ดลับเด็ดที่ทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้หญิงทรงเสน่ห์จนเพศตรงข้ามเกิดอาการ สะดุดรักได้ไม่ยาก มีดังนี้ค่ะ เอาใจเก่ง เสน่ห์ ของหญิงข้อนี้ แม้จะเป็นสิ่งที่คุณๆ ทั้งหลายรู้ดี แต่ก็ไม่ค่อยมีใครทำกันสักเท่าไหร่ เพราะมัวหยิ่งบ้าง ไม่กล้าบ้าง แบบนี้เห็นทีต่อให้เริดแค่ไหน ถ้าขาดนิสัยความเป็นสาวช่างเอาอกเอาใจ ไม่ว่าผู้ชายหน้าไหนก็ไม่มีใครชอบ หรอก เพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่ผู้ชายทุกคนปรารถนา อ่อนหวาน สาวห้าวอย่าเพิ่งร้องโวยเป็นอันขาด และโปรดทำใจรับรู้และ ยอมรับซะเถอะว่า บางครั้งหัวใจสาวห้าวอย่างคุณก็เคยมีช่วงเวลาของการ แสดงออกที่บ่งบอกถึงความอ่อนโยนได้เหมือนกัน ไม่ต้องถึงขนาดเปลี่ยนตัวเองให้เป็นสาวหวานฉ่ำ แค่มีความ อ่อนโยนอ่อนหวานติดตัวไว้บ้าง ก็เพียงพอแล้ว อย่างน้อยบางอารมณ์น่าจะพูดจาอ่อนโยนน่าฟังบ้าง ไม่ว่ากับเขาหรือคนอื่นๆ มันจะยิ่งทำให้คุณดูดีขึ้น อีกเยอะ เปิดเผย ข้อนี้สาวขี้อายอาจมีปัญหา แต่การเปิดเผยไม่ได้หมายความว่า จะต้องถึงขั้นทำตัวห้าวหาญแต่อย่างใด การเปิดเผยในที่นี้หมายถึง ให้คุณ แสดงความจริงใจบ้างเล็กๆ น้อยๆ เพื่อบอกให้เขารู้ว่าคุณชอบเขา ทำอะไร อย่าเหนียมมากไป ร้อนก็บอกว่าร้อน เผ็ดก็บอกว่าเผ็ด กล้าคุยเรื่องหน้าแตก ของตัวเองให้เขาฟังบ้าง คุณจะดูเป็นคนอบอุ่น และไม่มีลับลมคมในอะไร ซ่อนไว้ หัวอ่อน จะเอาใจแฟนทั้งที มันต้องมีบ้างที่ต้องหัดเป็นคนหัวอ่อน ยอมเออออตามเขาไปในบางครั้ง แต่ที่ให้ยอมนั้น ไม่ได้หมายความว่า จะให้ยอมไปซะทุกเรื่อง ทุกอย่างเหมือนดังเช่นเป็นทาส แค่เชื่อฟังเขาบ้างในบางโอกาส และยอมรับ ในสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลด้วยเช่นกัน เพราะถ้าขืนทำตัวก๋ากั่นดื้อรั้นชนิดไม่ฟัง ใครเลย ไม่ว่าจะแฟนคุณหรือใครๆ ก็คงไม่ชอบหรอกค่ะ ปราดเปรียว ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงที่อืดอาดเกินเหตุ แม้ใจจะยังปรารถนาแม่ ศรีเรือนผู้งามพร้อม เพราะยุคสมัยนี้ ความคล่องแคล่ว ปราดเปรียวนี่ละ ที่เป็นเสน่ห์หนึ่งของผู้หญิงยุคใหม่ ออดอ้อน ผู้หญิงที่ยอมออดอ้อนคู่รักบ้างในโอกาสเหมาะๆ พระเอกของ คุณคงรักจนหมดใจแน่นอนแต่อ้อนพองามนะคะ ไม่เช่นนั้น อาจกลายเป็น น่ารำคาญไป อารมณ์ขัน ไม่ว่าสเปกของเขาจะชอบสาวเงียบขรึม หรือสาวแข็งกระด้าง อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย ผู้ชายจะเซ็งคุณได้สักวัน เมื่อเขารู้สึกว่าอยู่กับคุณแล้วโลกไม่สดใส สักวันหนึ่งเขาคงจะตีจาก แต่ คุณไม่จำเป็นต้องตลกโจ๊กเป็นตลกมืออาชีพหรอก เพียงแค่รู้จักเล่าเรื่อง สนุกๆ ขำๆ บ้าง หัวเราะร่าเริงเมื่อคนอื่นคุยเรื่องตลก ไม่ใช่หน้าแข็งอารมณ์ เดียวตลอดเวลา จะทำให้น่าเบื่อที่สุด และไม่ใช่นั่งนินทาใครให้คนหัวเราะ เพราะผู้หญิงขี้นินทาไม่มีเสน่ห์นักหรอก ฟอร์มเหมือนไม่มีฟอร์ม ผู้ชายจะไม่พิสมัยผู้หญิงที่เก๊กหรือฟอร์มตลอดเวลา ดังนั้น ขอให้คุณทำตัวเป็นธรรมชาติที่สุด อยากคุยอยากถามอะไรกับเขาก็ทำ หรือปวดฉี่ก็บอกได้ ไม่ต้องนั่งเก๊กแล้วรอให้คนอื่นมาชวนคุย มีน้ำใจ ควรแสดงความมีน้ำใจห่วงใยเอื้ออาทรออกมาบ้าง ไม่ว่าจะกับ เขาหรือกับใคร เพราะคนใจดำไร้น้ำใจคงไม่มีเสน่ห์แน่นอน เข้าใจง่าย ควรมองโลกในแง่ดี ไม่เจ้าปัญหาจนน่ารำคาญ หัดเป็นคน ง่ายๆ ไม่จู้จี้จุกจิกมากเกินไป การแสดงความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ได้ดี เป็นการแสดงถึงนิสัยใจคอของคุณเอง ที่คนพิเศษของคุณจะเห็นได้ทันที และทำให้เขาเชื่อใจคุณ เพราะคุณเข้าใจเขาได้ดี มีเรื่องอะไรเขาก็จะเปิดเผย ให้คุณรู้ และชอบที่จะนั่งสนทนากับผู้หญิงที่เปี่ยมเสน่ห์แบบคุณ แล้วคุณหละ? มีสิ่งไหนอยู่ในตัวบ้าง?

กรรมส่งผลเสมอ อย่าทำผิดทั้งชีวิต^^

สมัยนี้มีผู้ชอบกล่าวว่า เงินไม่มีเกียรติไม่มี นั่นไม่ใช่ความถูกต้อง เป็นความรู้สึกของคนบางคนเท่านั้น คนบางคนที่มีความเห็นผิดเป็นชอบ เท่านั้นที่จะมีความรู้สึกว่า คนไม่มีเงินเป็นคนไม่มีเกียรติ เงินกับเกียรติมิใช่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มิใช่เป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ คนไม่มีเงินแต่มีเกียรติก็มีอยู่ คนมีเงินแต่ไม่มีเกียรติก็มีอยู่ ความสำคัญอยู่ที่ว่า เงินที่มีหรือที่ได้นั้นเป็นเงินที่จะทำให้เกียรติยศชื่อเสียงสิ้นไปหมดหรือ ไม่ ควรจะพิจารณาให้รอบคอบในเรื่องนี้ โดยเฉพาะผู้ที่ยังคำนึงถึงชื่อเสียงเกียรติยศของตนเอง และของวงศ์ตระกูล เช้า วันนี้ใครสักคนอาจจะตื่นขึ้นด้วยจิตใจเร่าร้อนเป็นอันมาก เมื่อพิจารณาหาเหตุผลก็ได้พบว่า เมื่อวานหลานเล็กๆ กำลังน่ารักน่าเอ็นดูและเป็นที่รักที่ชื่นใจอย่างยิ่งร้องไห้กลับมาจาก โรงเรียน สะอึกสะอื้นอย่างเสียอกเสียใจยิ่งนัก ปลอบถามก็ได้ความว่า ถูกเพื่อนเด็กๆ ด้วยกันนั่นเองตะโกนล้อว่า เป็นหลานคนขี้โกง เด็กได้พยายามแก้ว่าไม่เป็นความจริง แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเด็กหลาย คนรุมกันยืนยัน เมื่อเด็กร้องไห้แล้วเล่าให้ฟังนั้น ใครจะรู้สึกอย่างไรไม่ทราบ แต่เจ้าตัวเองนั้นรู้สึกว่ากระทบกระเทือน เหลือเกิน ทั้งอายทั้งโกรธ เหตุก็เพราะรู้ตัวว่า เงินทองที่หาได้อยู่เสมอๆ นั้น ได้มาด้วยวิธีที่ไม่ชอบไม่ควรจริงๆ จริงอยู่ เสียงที่กล่าวหาเป็นเสียงของทารกไร้เดียงสา แต่ถ้าไม่ได้ฟังมาจากผู้ใหญ่แล้ว ทารกไร้เดียงสาเหล่านั้นจะไปได้ความคิดจากไหน นึกถึงหลานเล็กๆ ที่อับอายขายหน้าถึงกับร้องไห้ลั่น เพราะต้องเป็นลูกหลานคนขี้โกง นึกแล้วก็สงสาร ไม่สบายใจ ไม่ได้เป็นความผิดของเด็กเลย แต่เป็นความผิดของผู้ใหญ่แท้ๆ เมื่อวางทิฐิในทางที่ผิดลง ยอมสารภาพทุกสิ่งทุกอย่างกับตนเองอย่างเปิดเผย ด้วยการคิดตอบโต้กับตัวเองอยู่ในใจอย่างยืดยาว ก็ได้ผลสรุปลงว่า ความโลภของคนคนเดียวที่นำให้กระ ทำสิ่งที่ผิด เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทองนั้น ความเสื่อมเสียมิได้เกิดแก่ คนคนเดียว แต่เกิดติดต่อไปได้ถึงพี่น้องลูกหลาน ใครรู้ใครเห็นก็จะกล่าวตำหนิว่า พี่คนโกง น้องคนโกง ลูกคนโกง หลานคนโกง ฯลฯ คนเหล่านั้น ก็พลอยได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศไปด้วย เมื่อทำตนให้มั่งมีเพราะการโกง แต่ขณะเดียวกันก็ทำ ให้คนอื่นต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศ เช่นนี้จะเรียกว่า ฉลาด มีปัญญาทำ สิ่งที่สมควรได้อย่างไร ต้องเรียกว่าไม่ฉลาดเลย ไม่มีปัญญาเลย จึงได้ทำสิ่งที่ไม่ควรจะทำ ชื่อเสียงเกียรติยศเป็นสิ่งมีค่ายิ่ง ควรถนอมรักษาไว้ ควรแลกได้แม้กับทรัพย์สินจำนวนมาก เสียงภายในใจบอกว่าไหนๆ ก็โลภ จนเสื่อมเสียไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะมาเสียใจ ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดแก้ไข ไม่อาจทำให้ชื่อเสียงเกียรติยศกลับคืนดีได้แล้ว สู้หาลาภผลต่อไปดีกว่า อย่างน้อยก็ยังมั่งมีเป็นเศรษฐี ไม่มีใครกล้ามาชี้หน้าได้ตรงๆ ว่าโกงว่ากิน เมื่อเสียงในใจดังขึ้น เพื่อฉุดกระชาก ไปในทางผิดต่อไปเช่นนี้ สติที่เกิดขึ้นทัน จะทำให้คิดตอบแก้ได้ว่าไม่ถูก คิดเช่นนั้นไม่ถูก ชื่อเสียงเกียรติยศที่เสียไปแล้วก็เป็นส่วนที่เสียไป แต่ถ้ากลับมากระทำความดี ละความชั่วความผิดแต่เดิมเสีย เช่น ไม่โลภ ไม่โกงต่อไป ก็จะสามารถสร้างชื่อเสียงเกียรติยศใหม่ขึ้นได้ ตัวอย่างก็มีอยู่ คนที่กลับตัวกลับใจได้ แม้จะมีผู้รู้อดีตที่ผิดที่ชั่วก็จะไม่นำมากล่าวถึงอย่างตำหนิติเตียน แต่มักจะนำมายกย่องสรรเสริญว่าเป็นคนดีที่กลับตัวกลับใจได้ ไม่ทำผิดทำชั่วไปตลอดชีวิต เป็นคำยกย่องสรรเสริญที่จะทำให้ผู้ได้รับภาคภูมิใจ เกิดปีติยินดีและเกิดกำลังใจ เชื่อมั่นว่าแม้จะได้ทำผิดไปแล้วเพียงใด ต้องเสื่อมเสียชื่อ เสียงเกียรติยศไปแล้วเพียงไหน ก็ควรกลับใจ ละความไม่ดี มาทำความดี เช่น ละความโลภที่รุนแรง จนทำให้แสวงหาโดยมิชอบ มาทำความโลภให้ลดน้อยลง ตามลำดับ ด้วยการพยายามดับความปรารถนาต้องการให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ซึ่งควรจะต้องกระทำถึง ๒ วิธี คือ ไม่ดิ้นรนแสวงหา และสละสิ่งที่แสวงหามาไว้แล้วให้เป็นทาน ทั้ง ๒ วิธีนี้ต้องทำให้สม่ำเสมอให้เป็นนิสัย จึงจะเห็นผลคือเห็นความโลภลดลงจนถึงหมดสิ้นไปได้ในวาระหนึ่ง ที่จริง จิตใจเวลามีความปรารถนาต้องการ กับเวลาไม่มีความปรารถนาต้องการนั้นแตกต่างกันมาก จิตใจยามมีความโลภหรือความปรารถนาต้องการนั้นไม่ได้มีความสุข มีแต่ความร้อน ความตื่นเต้นกระวนกระวายขวนขวายเพื่อให้ได้สมปรารถนา จิตใจยามไม่มีความปรารถนาต้องการนั้นมีความสุข อย่างยิ่ง เห็นจะต้องเปรียบง่ายๆ คือ ในยามหลับกับในยามตื่น ยามหลับไม่มี ความปรารถนาต้องการ ยามตื่นมีความปรารถนาต้องการ ทุกคนเหมือนกันไม่มียกเว้น ยามไหนเป็นยามสบายที่สุด ทุกคนตอบได้และคำตอบทุกคนเหมือนกัน คนที่ หลับแล้ว สงบแล้วจากความปรารถนาต้องการไม่ว่าจะหลับบนฟูก อันอ่อนนุ่มในคฤหาสน์ใหญ่โตมโหฬารหรูหราเพียงใด หรือจะหลับอยู่บนดินบนทรายแข็งระคายเพียงไหน ย่อมเป็นสุข เพราะจิตใจพ้นจากอำนาจของความปรารถนาต้องการที่เป็นเหตุแห่งความทุกข์ความ ร้อน แม้คิดเปรียบถึงความสุขและความไม่สุขของคนนอนหลับกับคนตื่นอยู่ กับความสุขและความไม่สุขของคนมีความปรารถนาต้องการรุนแรงในใจ กับคนมีความปรารถนาต้องการน้อย ก็จะได้พบคำตอบที่ชัดเจนที่น่าจะทำให้ตัดสินใจเลือกได้ว่าควรพยายามทำใจตน เองให้มีความปรารถนาต้องการน้อยหรือไม่ ทุกคนต้องการความสุขความสบาย ใจด้วยกันทั้งนั้น แต่ทุกคนก็ยังไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการ เพราะใจยังมีความปรารถนาต้องการหรือความโลภนี้แหละอยู่เป็นอันมาก โดยที่ไม่พยายามทำให้ลดน้อยลง เห็นจะด้วยมิได้คิดให้ประจักษ์ในความจริงว่า ความโลภคือเหตุใหญ่ประการหนึ่ง ซึ่งนำให้ความทุกข์ให้ร้อน ให้ไม่มีความสุขความสบายใจกันอยู่อย่างมากทั่วไปในทุกวันนี้ แม้ทำสติพิจารณาให้ดีจะเห็นได้ไม่ยากนัก ว่าความทุกข์ความร้อนที่มีมาแต่ไหนๆ และดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มขึ้นในปัจจุบันนี้ เกิดจากความโลภหรือความปรารถนาต้องการเป็นสำคัญ เช้าวันนี้ ใครสักคนอาจจะตื่นขึ้นด้วยอารมณ์ขุ่นมัวยิ่งนัก เมื่อพิจารณาหาเหตุผลได้พบง่ายๆ ว่าเมื่อคืนนอนหลับดึกมาก เพราะเมื่อเข้านอนนั้นใจเกิดย้อนนึกไปถึงอดีตของตนเองที่ไม่อุดมสมบูรณ์เช่น ขณะนี้ ซ้ำยังขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งเสียด้วย แต่เพราะเป็นคนมีโอกาส จะไม่ขอกล่าวว่าโอกาสดี เพราะความจริงนั้นมิใช่โอกาสดี เป็นเพียงโอกาสที่เปิดให้สามารถถือเอาสิ่งที่ไม่ใช่ของตนไปเป็นของตนได้เท่า นั้น และโอกาสเช่นนั้นก็มีบ่อยจนสามารถทำให้ฐานะเปลี่ยนแปลงเป็นตรงกันข้าม อยู่ในปัจจุบันนี้ นึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสมบัติมีค่าของตน เช่นที่เคยนึกมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ประหลาดที่ครั้งนี้นึกผิดกับ ทุกครั้ ง คือ เมื่อนึกนั้นมิได้นึกอย่างภาคภูมิมีความสุข ในครั้งนี้กลับไปนึกอย่างเดือดร้อน เพราะความจริงในใจที่ตนเองรู้อยู่ไม่ยอมฝังตัวเงียบอยู่ต่อไป หากโผล่พลุ่งขึ้นมาเหมือนส่งเสียงบอกดังลั่นอยู่ในความรู้สึกของตนเองว่า สมบัติมีค่าที่ตนกำลัง ได้ครอบครองอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ได้มามิชอบทั้งสิ้น เสียงนั้นดังลั่นๆ จาระไนต่อไปว่า ได้มาอย่างไรบ้าง ทำให้ใครต้องเดือดร้อนเพราะการได้ของตนอย่างไรบ้าง เสียงนั้นมิได้เกรงอกเกรงใจเสียเลย จาระไนชัดเจนแจ่มแจ้ง ไม่ยอมหยุดยั้งว่าเจ้าตัวจะโมโหโทโสและพยายามจะบังคับให้เสียงนั้นหยุด ประจานอดีตชั่วร้ายของตนเสียที จนในที่สุดก็จำต้องใช้ยานอนหลับ เมื่อกลางคืนเกือบจะผ่านพ้นไป จึงสามารถทำ ให้เสียงอันกล้าหาญไม่เกรงกลัวอำนาจใดๆ เลย หยุดไปได้เพราะการนอนหลับด้วยอำนาจยาระงับประสาท แต่ก็ดูเหมือนว่า เสียงนั้น จะยังคอยจ้องที่จะทำลายจิต ใจต่อไปอีก เพราะเมื่อรู้ตัวตื่นขึ้นในเช้าวันนี้ เสียงนั้นก็ย้อนกลับมาดังขึ้นอีกทันทีพร้อมกับความขุ่นมัวเศร้าหมองเป็นอัน มาก หากเสียงนั้นมิได้เป็นเสียงแห่งอนุสติของตนเอง หากเสียงนั้นเป็นเสียงของบุคคลอื่นภายนอก ก็แน่นอนเหลือเกินที่จะต้องถูกจัดการให้รับโทษไปแล้วอย่างหนัก ฐานบังอาจนำความจริงที่ตนเองไม่ปรารถนาให้ใครพูดถึง มาตะโกนประจานอยู่ลั่นๆ และยืดยาว เรียกได้ว่าเกือบจะไม่เหลือ อะไรให้ปกปิดเป็นความลับไว้อีกเลย เสียง ในใจตนเองจาระไนเสียหมดสิ้น ชี้โทษให้หมดสิ้น พยายามค้านก็ค้านไม่ขึ้น เพราะที่ค้านนั้นตัวเองก็รู้ว่าเป็นเพียงการพยายามที่จะปิดบังความจริงซึ่ง เคยใช้มาแล้วกับบุคคลอื่นที่มิใช่ตนเอง ที่ไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อเขาก็แสดงออกให้เห็นว่าเขาเชื่อ แต่เมื่อมาใช้กับตนเองกลับไม่ได้ผลเลย ยกเหตุผลอธิบายไปก็ย้อนตอบกลับมาอย่างทำให้ใจร้อนเป็นฟืนเป็นไฟทุกครั้งไป เพราะทำให้เห็นโทษที่ตนได้กระทำไปแล้วชัดเจนและมากมาย ทำให้พาลเห็นเครื่องบ้านเครื่องเรือนราคาแพงลิบลิ่ว ที่อุตส่าห์หามาด้วยอำนาจความปรารถนาต้องการ กลายเป็นสิ่งอัปมงคลที่ทำให้ต้องเดือดร้อนหัวใจ ความพลุ่งพล่านทำให้คิดไปว่าได้สิ่งอัปมงคลมาไว้ จะต้องทำลายเสียให้หมดในวันนี้ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีความสงบสบายใจ จะมีแต่ความเดือดร้อน แต่ยังมีสติเกิดขึ้นได้ทันเวลาในขณะนั้น ทำให้มีเสียงถามขึ้นในใจอย่างชัดเจนว่า ความเดือดร้อนเกิดจากสิ่งของจริงหรือ มิได้เกิดจากใจตนเองดอกหรือ เสียงนั้นเป็นเสียงที่เกิดจากสติ เมื่อถามแล้วก็ตอบให้อย่างชัดเจนด้วยว่า ความเดือดร้อนทั้งหลาย เกิดจากใจตนเอง ใจที่เต็มไปด้วยกิเลส โดยเฉพาะความโลภความปรารถนาต้องการอย่างรุนแรงอย่างไม่มีขอบเขต จนกระทั่งทำให้ได้มาซึ่งสมบัตินอกกายทั้งหลายมากมาย ซึ่งหลงคิดว่าจะทำให้ไม่ต้องเดือดร้อนใจอีกต่อไปเพราะความไม่มี หาได้ทันคิดไม่ว่าความเดือดร้อนใจที่เกิดจากความไม่มีนั้น ไม่รุนแรงเท่าความเดือดร้อนใจที่เกิดจากความมีโดยมิชอบ ความมีหรือ ความได้มาโดยมิชอบทำให้ความร้อนใจจริงโดยเฉพาะผู้ที่ยังพอ รู้จักบาปบุญคุณโทษแล้ว แม้จะพยายามปกปิดหลอกคนอื่นอย่างไร ก็ปกปิดหลอกตนเองไม่ได้ ก็จะต้องเดือดร้อนเพราะความรู้จักผิดชอบของตนเองแน่นอน ความรู้จักผิดชอบเกิดขึ้นเมื่อใด จะทำให้ผู้ที่ได้อะไรๆ ไปโดยมิชอบ โดยผิดศีลธรรม ต้องเร่าร้อน และความรู้สึกผิดชอบจะต้องเกิดขึ้นแก่ทุกคน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง อาจจะเมื่อใกล้ตายหรืออาจจะก่อนหน้านั้น จะทำความทรมานใจให้เป็นอันมาก เพราะทุกคนแม้จะทำลืมไม่สนใจเรื่องผล ของกรรม แต่จะมีวันหนึ่งที่จะทำลืมไม่สำเร็จ น่าจะเป็นวันที่นึกถึงความตายได้อย่างมีสติและปัญญาว่าจะต้องมาถึงตนในวัน หนึ่งแน่นอน หนีไม่พ้น วันนั้นแหละอำนาจความโลภหรือความปรารถนาต้องการที่ทำให้แสวงหาสมบัติโดยมิ ชอบในอดีต จะปรากฏเป็นโทษแก่จิตใจอย่างรุนแรงยิ่งกว่าเวลาอื่น ควรจะกลัว เพราะย่อมเป็นสิ่งน่ากลัวอย่างยิ่งจริงๆ ควรจะเชื่อไว้ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง เพื่อว่าจะได้ยอมเชื่อว่าไม่ควรจะปล่อยให้ความโลภหรือความปรารถนาต้องการมี อำนาจชักจูงใจให้ทำสิ่งอันมิชอบ ที่จะก่อความเดือดร้อนให้เกิดขึ้นแก่ผู้อื่น เพราะความเดือดร้อนนั้นจะเกิดแก่ตนเองด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน การกระทำทุกอย่างมีผล กรรมดีให้ผลดี กรรมชั่วให้ผลชั่ว ผู้ใดทำกรรมใด ไว้จักได้รับผลของกรรมนั้น การกระทำ ไปตามอำนาจความโลภหรือความปรารถนาต้องการ เป็นกรรมชั่ว ผลจึงต้องชั่ว.