จำนวนผู้ชม

วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

100 ข้อคิดดีๆ สั้นๆ เตือนใจคุณ


บางครั้งการใช้ชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป เราจำเป็นต้องมีหลักยึดเตือนใจ เพื่อให้อยู่ในสังคมอย่างสงบสุข และสง่างาม ไม่เว้นเเต่จะเป็นการปฏิบัติต่อคนที่เราคิดว่าเป็นเพื่อน เพื่อเป็นการรักษามิตรภาพให้ยืนยาว อีกทั้งยังเป็นการคบกันด้วยความจริงใจ ช่วยเหลือกันในยามมีความทุกข์ ในยามสุขก็แบ่งปันให้กันด้วยความจริงใจ หากใครบอกว่า โอ้โหตั้ง 100 ข้อเชียวหรอ แต่ขอบอกว่าลองศึกษาดูก่อน มันไม่มากไม่มายและยากเย็นเกินไปที่เราจะปฏิบัติเลยจริงๆ



1.เอาใจเขามาใส่ใจเรา



2.เชื่อมั่นตัวเอง 3.อย่ามองคนที่หน้าตา



4.กล้าคิด พูด และทำ



5.เมื่อมีเรื่อง จงหมั่นปรึกษาผู้อื่น



6.และจงเป็นที่ปรึกษาให้ผู้อื่นด้วย



7.อย่าโกหกกับเรื่องที่คุณคิดว่าผิด



8.ไว้ใจบุคคลที่สมควรไว้ใจ



9.เปิดใจให้กว้าง



10.มองการณ์ไกล



11.วางแผนอนาคต



12.อย่าโทษตัวเอง



13.มีความรับผิดชอบ



14.ตอบแทนเมื่อได้รับ



15.ให้ในสิ่งที่ผู้อื่นอยากได้และไม่มี



16.อย่าใช้อารมณ์ แต่จงใช้ความคิด



17.คิดถึงส่วนรวมให้มาก



18.ดูแลตัวเองให้เป็น



19.รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี



20.อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า



21.อย่ารู้ค่าสิ่งที่อยู่กับเราต่อเมื่อเราสูญเสียไปแล้ว



22.จงรู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้กำลังทำอะไร



23.ที่ทำอยู่มีผลดี ผลเสีย มีประโยชน์ หรือไร้ประโยชน์



24.อย่าวัวหายแล้วล้อมคอก



25.ให้อภัยแก่ตนเองและผู้อื่น



26.อย่าเก็บอดีตมาทำร้ายตนเอง แต่จงหัดที่จะเรียนรู้จากมัน



27.คนไม่ผิดคือคนที่ใหม่เคยทำอะไร



28.ได้หน้าอย่าลืมหลัง



29.คุณไม่ใช่พระเจ้า อย่าคิดซ่อนความรู้สึก แต่จงวางแผนที่จะดูแลมันไม่ให้เสีย



30.อย่าอ่านข้อความที่มีประโยชน์ผ่านๆ



31.อ่านแล้วคิด คิดแล้วทำ หมั่นพัฒนาตนเอง



32.รู้จักแบ่งเวลา และหน้าที่ 33.ทำประโยขน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง



34.อย่าเห็นแก่ตัว



35.อย่ารอคอยในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง



36.อย่ากลัวในสิ่งที่ตนสามารถสู้หรือเปลี่ยนแปลงมันได้



37.กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หัดเติมให้คนอื่น แล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุณเอง



38.เพื่อนไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันก็คุยกันได้



39.อย่าคิดว่าเขาไม่โทร.มา ถ้าคุณก็ไม่เคยโทร.ไป



40.จง เป็นฝ่ายให้มากกว่าเป็นฝ่ายรับ



41.ดูแลบิดามารดาให้ดี คุณมีโอกาศ รีบทำซะก่อนที่จะไม่มี



42.อย่าเสียใจกับสิ่งที่เลวร้ายหรือสูญเสียไปแล้ว มันไม่กลับมา แต่คุนสามารถทำมันใหม่หรือเรียนรู้จากมันได้



43.คำพูดเมื่อพูดไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับมาได้ ดังนั้น คิด ก่อนพูด



44.อย่าทุ่มเทในสิ่งที่ไร้ประโยชน์



45.คำพูดให้กำลังใจคนได้ ปลอบใจได้ ยุให้ทะเลาะกันได้ ทำให้เสียความรู้สึกได้ จงรู้ที่จะพูด



46.ชีวิตไม่ใช่เกม พลาดแล้วไม่สามารถเริ่มใหม่หรือกดโหลดได้



47.หาจุดหมายให้กับชีวิต



48.เครียดได้ แต่เครียดให้เป็น



49.ถ้างง เขียนหนังสือได้ แต่เขียนให้เป็นภาษา



50.วันๆหนึ่งคุณทำอะไรบ้าง ที่ไม่ใช่ กิน นอน เล่น



51.ไม่มีหมอคนไหนรอให้คนไข้จะตายแล้วค่อยช่วยหรอกนะ



52.เพื่อนคุณก็เช่นกัน อย่าปล่อยให้เขาเครียดจนจะตายแล้วถึงไปถามหรือดูแล



53.ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร ให้มันพักผ่อนซะบ้าง



54.คุณซื้อนาฬิกาได้ แต่คุณไม่สามารถซื้อเวลาได้



55.ตอนนี้มีใครคอยคุณอยู่รึเปล่า ถ้ามีกลับไปหาซะ



56.ตอนนี้คุณถึงเมื่อไหร่ ทำอะไรซะบ้าง



57.อย่ากล่าวคำขอโทษบ่อย มีอะไรดีๆตั้งหลายอย่างที่ทำแล้วไม่ต้องตามไปขอโทษ



58.ตอนคุณลำบากคุณคิดถึงใคร คุณอยากให้ใครช่วยเหลือ



59.ตอนนี้คนกำลังสบายอยู่ แล้วคนที่คุณเคยขอความช่วยเหลือล่ะ หมดประโยชน์แล้วหรือ



60. ไม่ใช่ แล้วไง ต้องให้บอกต่อมั้ย



61.ทำอะไรก้อได้ให้ตัวเองมีความสุข แต่อย่าบนทุกข์ของคนอื่น



62.ตอนที่คนกำลังอ่านประโยคนี้ จงจำไว้ว่าคุณเป็นมนุษย์ และยังมีชีวิตอยู่



63.ใครเป็นคนทำให้คุนมีชีวิต ตอบแทนเขาบ้างหรือยัง



64.ไม่ต้องรอให้ถึงวันพิเศษใดๆ แค่เข้าไปบอกเขาว่ารักก้อเพียงพอแล้ว



65.อย่ารอให้ถึงวันเกิดเพื่อน ถึงจะได้คุยกันหรือให้ของขวัญกัน



66.ไม่มีกฏหมายข้อใดห้ามให้ของขวัญในวันธรรมดา



67.ถ้าเป็นคุณอยู่ดีๆ มีเพื่อนเอาขนมมาให้ คุณจะรู้สึกดีมั้ย หรือดูที่ราคาขนม



68.เหล้าทำให้คุณลืมได้ตอนเมาแอ๋ แต่เพื่อนแท้ทำให้คุณลืมเรื่องร้ายๆได้ตลอดชีวิต



69.อย่าคิดว่าตนเองไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใคร อย่างน้อยๆถ้าคุณได้อ่านข้อความนี้ จงรู้ไว้ว่าคุณยังมีคนพิมพ์คนนี้อีกคน



70.อย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคร้ายที่สุด และอย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคดีที่สุด



71.อย่าพูดว่าไม่มาเป็นเราไม่รู้หรอก ถ้า งั้นคุณก้อไม่รู้เรื่องของเขาเช่นกัน



72.เหนื่อยนักก็หยุดพักซะบ้าง



73.อย่าคิดว่าคนดีไม่มีในสังคม เพราะคุณก็เป็นคนเพียงแต่คุณยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง



74.ปริศนาในเกมคุณแก้ได้ แล้วทำไมปริศนาในชีวิตคุณแก้ไม่ได้ ในเมื่อบทสรุปอยู่ในตัวคุณ



75.คุณมองเพชรที่ความงามภายในหรือป้ายราคาภายนอก



76.ถ้าคุณกินอาหารเหลือ ลองนึกถึงเด็กที่ไม่มีอันจะกิน



77.มีเรื่องราวอีกมากมายที่ไม่ได้เขียนอยู่ในหนังสือ ลองค้นคว้าดูจะรู้



78.ลูกธนูที่ถูกปล่อยจากหน้าไม้ อันตรายน้อยกว่าหอกที่เเทงมาจากข้างหลัง



79.การถูกหักหลังเป็นสิ่งที่เจ็บปวด อย่าให้มันเกิด



80.ทำยังไง ต้องให้ขโมยขึ้นบ้านก่อน ถึงไปดูรั้วบ้านใช่มั้ย



81.ทำใจกับสิ่งต่างๆ ล่วงหน้าไว้บ้างก้อดี



82.จะยกตัวอย่าง สมมติคนที่คุณรักจากไปตอนนี้ คุณคิดว่า คุณทำอะไรให้เขาบ้างหรือยัง



83.อย่าตอบว่าทำยังไงก็ตอบแทนไม่หมด ขอถามว่าทำครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่



84.คุณทำใจได้แล้วหรือถ้ามันเกิดอะไรขึ้น คุณไปร้องไห้ข้างโลงศพ ยังไงเขาก้อไม่ฟื้นมาได้ยินหรอกนะ 85.ตัวคุณมีค่าอยู่แล้ว อยู่ที่คุณรู้จักดึงมันออกมาใช้ได้รึเปล่า 86.หัดคุยกับตัวเองซะบ้าง แล้วจะรู้ว่ามีอะไรอีกมากมายที่คุณยังไม่รู้



87.ร่างกายใช้มากี่ปีแล้ว เคยดูแลมันบ้างรึเปล่า หรือเอาไว้เพื่อให้วิญญาณมีที่สิงสถิต



88.การใส่เสื้อสวยๆไม่ช่วยให้ร่างกายดีขึ้นหรอกนะ ที่ดีขึ้นคือบุคลิกต่างหาก



89.หาความสุขของตัวเองให้เจอ หัดมีความสุขซะบ้าง อดีตเราลืมไม่ได้แต่เลิกคิดได้



90.ลองทำอะไรบ้าๆบ้างก้อดี อย่ายึดติดนักเลย



91.ผู้พิมพ์ไม่ใช่คนรู้อะไรมากมาย ไม่ได้มาโชว์ว่าตัวเองอวดรู้ แต่อยากให้คุณได้รุ้อะไรไว้บ้างก็ดี



92.สิ่งที่คุณปล่อยผ่านๆ ไปในชีวิตหรือเรื่องคุนเห็นว่าไม่สำคัญ กลับมาดูเเลตรงนั้นบ้างก็ดี



93.อย่าไว้ใจใครเกินไป ไม่ได้สอนให้ระแวงไม่ไว้ใจใคร แต่ระวังไว้บ้างก็ดี



94.อย่าตามเพื่อนนัก กินเหล้า เล่นไพ่ เที่ยวหญิงเที่ยว



95.ยาเสพติดทุกชนิด อย่าคิดจะลองเด็ดขาด



96.อย่าทำตามเพื่อนเพราะเพื่อนทำกันหมด ร่างกายเขากับร่างกายเรา แน่นอนจิตใจก็เหมือนกัน



97.ผู้ชายยังไงก้อคือผู้ชาย ผู้หญิงยังไงก็คือผู้หญิง



98.บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป



99.ไม่มีมิตรถาวรและศัตรูที่เเท้จริง



100.จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อตัวเราเอง คนที่เรา รัก และคนที่อยู่รอบกายเรา

ข้อคิดในการใช้ชีวิต

1. อย่าทำลายความหวังของใคร



2. รู้จักฟังให้ดี



3. จะคิดการใดจงคิดการให้ใหญ่ๆเข้าไว้แต่เติมความสุขสนุกสนานลงไปด้วย



4. หัดทำสิ่งดี ๆให้กับผู้อื่นจนเป็นนิสัย



5. เวลาเล่นเกมกับเด็ก ๆ ก็ปล่อยให้แกชนะไปเถิด



6. ใครจะวิจารณ์เรายังไงก็ช่าง ไม่ต้องไปเสียเวลาตอบโต้



7. ให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่ “สอง”แต่อย่าให้ถึง”สาม”



8. ทำตัวให้สบาย อย่าคิดมาก ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแล้วอะไร ๆ มันก็ไม่ได้สำคัญอย่างที่คิดไว้ทีแรกหรอก



9. เมื่อมีใครสวมกอดคุณ ให้เขาเป็นฝ่ายปล่อยก่อน



10. เป็นคนถ่อมตน คนเขาทำอะไรต่ออะไรสำเร็จกันมามากมายแล้วตั้งแต่เรายังไม่เกิด



11. อย่าพูดว่ามีเวลาไม่พอ เพราะเวลาที่คุณมีมันก็วันละยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่าๆกับที่ หลุยส์ ปาสเตอร์ , ไมเคิลแอนเจลโล , แม่ชีเทเรซา, ลีโอนาร์โด ดาวินชี, ทอมัส เจฟเฟอร์สัน หรืออัลเบิร์ต ไอสไตน์ เขามีนั่นเอง



12. เป็นคนใจกล้าและเด็ดเดี่ยวเมื่อเหลียวกลับไปดูอดีตเราจะเสียใจในสิ่งที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำมากกว่าเสียใจในสิ่งที่ทำไปแล้ว



13. ประเมินตนเองด้วยมาตรฐานของตัวเอง ไม่ใช่ด้วยมาตรฐานของคนอื่น



14. จริงจังและเคี่ยวเข็ญต่อตนเอง แต่อ่อนโยนและผ่อนปรนต่อผู้อื่น



15. อย่าระดมสมอง เพราะไอเดียดี ๆ ใหม่ ๆ และยิ่งใหญ่จนสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ล้วนมาจากบุคคลที่คิดค้นอยู่แต่เพียงผู้เดียวทั้งสิ้น



16. คงไว้ซึ่งความเป็นคนเปิดเผย อ่อนโยน และอยากรู้อยากเห็น



17. ให้ความนับถือแก่ทุกคนที่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ ไม่ว่างานที่เขาทำนั้นจะกระจอกงอกง่อยสักปานใด



18. มีมารยาทและอดทนกับคนที่สูงวัยกว่าเสมอ คุณทำอย่างนั้นอยู่หรือเปล่า?

คนโง่....คนฉลาด....คนเจ้าปัญญา....คุณเป็นคนแบบไหน

1. ว่าด้วยการบริหารเป้าหมาย คนโง่ มักใช้ชีวิตอย่างไร้เป้าหมาย....... จึงว่ายไปในโลกกลมๆแล้ววนกลับมาที่เดิม............ ต้องเริ่มต้นใหม่ร่ำไปสู่อนาคตที่ไร้ทิศทาง.......... คนฉลาด มักตั้งเป้าหมายชีวิตยิ่งใหญ่ท้าทาย จึงไม่พอใจกับภาวะที่ตนเป็นสักที......... เพราะดูทีไรก็ยังห่างไกลเป้าหมายเสมอ....... คนเจ้าปัญญา ย่อมมีเป้าหมายสูงสุดแห่งชีวิต และมีเป้าหมายน้อยนิดสานสู่เป้าหมายใหญ่................ จึงมีบันไดแห่งความสำเร็จให้บรรลุเป็นลำดับไป ได้กำลังใจและหรรษาไปตลอดหนทาง

2. ว่าด้วยการรู้จักแจ้งตนเอง คนโง่ อยู่กับตนก็ไม่รู้จักตน จึงกลัวตัวเองไปต่างๆนานา คนฉลาด อยู่กับตนและรู้จักตนดี แต่ไม่รู้สิ่งที่ดีกว่าตน จึงวุ่นง่านอยู่กับการสร้างเนื้อสร้างตัว ปั้นตนให้เป็นแบบต่างๆ คนเจ้าปัญญา ย่อมรู้จักตนดีที่สุดจนทะลุความไม่เป็นตน จึงบริหารตนได้เสมือนการสร้างสรรค์ฟองสบู่ ใช้ประโยชน์สุดกู่แล้วก็สลายวับไป

3. ว่าด้วยจิต คนโง่ แม้เมื่อมีจิตใจก็ไม่เห็นจิตใจ จึงไม่บริหารจิตใจตนแต่สัปดนไปบริหารคนอื่น และมักขื่นขมที่ควบคุมคนอื่นไม่ได้ คนฉลาด เมื่อมีจิตใจก็เข้าใจจิตใจตนแม้จะไม่เห็นอยู่ จึงทู่ซี๊ระวังรักษาและได้ประโยชน์บ้างตามกำลังสติสัมปชัญญะ คนเจ้าปัญญา เมื่อมีจิตใจย่อมเห็นแจ่มแจ้งในจิตใจอยู่ รู้แจ้งพฤติของจืต และอำนาจแห่งใจ จึงสามารถบริหารให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้เสมอ

4. ว่าด้วยความคิด คนโง่ ทำก่อนแล้วจึงคิด จึงผิดพลาดเนืองๆ เปลืองเวลาและความรู้สึก และต้องตามแก้ปัญหาไม่สิ้นสุด คนฉลาด คิดมากก่อนแล้วจึงทำ จึงเพ้อเจ้ออยู่เป็นประจำ แม้ประสงค์จะทำดีมากแต่ทำได้น้อย เพราะเขม่าความคิดมักปิดกลั้นความหาญกล้า คนเจ้าปัญญา คิดไปทำไป จึงทำได้อย่างที่คิด และคิดพอดีที่ทำ ประหยัดพลังงานและบริหารเวลาได้เหมาะสม ลดความหลอนป้องกันความพลาดขื่นขม และประสบความสำเร็จโดยไม่เหน็ดเหนื่อย

5. ว่าด้วยการบริหารกระบวนการคิด คนโง่ ชอบไหลไปตามความคิด จึงมีภารกิจอันไม่รู้ตัวอย่างไม่สิ้นสุด คนฉลาด ชอบสร้างความคิด จึงมีจินตนาการอันสวยหรูที่ไม่เป็นจริงอย่างไม่สิ้นสุด คนเจ้าปัญญา ชอบบริหารความคิด สร้างสรรค์ ตกแต่ง ตัดต่อ และละวางเมื่อสมควร จึงได้ประโยชน์จากความคิดสูงสุด ข้อคิด คนโง่ ที่รู้ตัวว่าโง่ นั่นคือไม่โง่ เพราะรู้จักคิด รับความจริง คนฉลาด รู้ตัวว่าฉลาด เขาย่อมเป็นคนฉลาดอยู่ดี คนโง่อวดฉลาด นี่สิ เรียกได้ว่า บรมโง่ ทีเดียว คนเจ้าปัญญา ถ้าขาดความรอบคอบ ก้อใช่ว่าจะไม่โง่ หรือจะฉลาดเสียไปหมดทุกเรื่อง แต่ถ้าคนเจ้าปัญญา ทำอะไรมีสติ ไม่ประมาท นั่นแหล่ะ "ปราชญ์"

ถ้าไม่สุข.......ก็ทุกข์ให้น้อยลง.......

ถ้าไม่สุข.......ก็ทุกข์ให้น้อยลง....... “ความสุข...อาจทำให้ลุ่มหลง ความทุกข์...ทำให้รู้จักชีวิต จึงควรขอบคุณความทุกข์บ้าง” “เพียงคิดช่วยเขา...ใจเราก็สุขแล้ว เพียงคิดเบียดเบียนเขา...ใจเราก็ทุกข์แล้ว” “น้ำทำให้เรือลอยได้ ก็ทำให้เรือล่มได้ ทรัพย์สินเงินทอง ทำให้คนเป็นสุขได้ ก็ทำให้คนเป็นทุกข์ได้” “การมองข้ามงานเล็กไป จะทำให้งานใหญ่ไม่สำเร็จ” “เพ่งโทษตน...เป็นบัณฑิต เพ่งความผิดคนอื่น...เป็นพาล” “ก้าวแรก ก้าวต่อๆ ไป และก้าวสุดท้าย สำคัญพอๆ กัน ขาดก้าวใดก้าวหนึ่ง ชีวิตจะถึงที่หมายไม่ได้” “คลื่นลมทำให้ทะเลสวย อุปสรรคทำให้ชีวิตงาม .. บุคคลจึงไม่ควรยอมแพ้เมื่อพบอุปสรรค” “หากครั้งนี้ล้มเหลว ครั้งต่อๆ ไปต้องสำเร็จ .. เพราะความสำเร็จ มักมาหลังจากความล้มเหลวเสมอ” “ความวิตกกังวลใจเป็นโรคร้ายของชีวิต ถ้าปล่อยก็ว่าง ถ้าวางก็จะเบา ถ้าเอาก็จะหนัก ความยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นอุบายสร้างสันติ” คาถาการทำงาน “การทำงานคือการพักผ่อน ทำงานเพื่องาน ไม่ใช่ทำงานเพื่ออะไร คนโง่ทำงานแล้วทุกข์ คนฉลาดทำงานแล้วสุข” .....หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ยุ่งยาก กับ เยือกเย็น “ในยามที่เราพบกับความยุ่งยาก ต้องพึ่งพาความเยือกเย็น ค่อยๆ ย้อนลงไปแยกแยะสาเหตุแห่งปัญหา ที่ทำให้เราเร่าร้อน” “เราจะเอาชนะความยุ่งยากของชีวิตได้ ด้วยการเอาชนะความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นในใจของเราเสียก่อน” “จงมองดูความวิตกกังวลของตนเอง มองดูว่ามันทำให้เราเอาชนะปัญหาของเรา หรือมันทำให้เราหมดพลังและพ่ายแพ้” “ปัญหาต่างๆ ของชีวิต ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ความทุกข์ยากที่เราคิดว่ามันแสนสาหัสสำหรับเราในวันนี้ ในวันข้างหน้าเราอาจรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย..”

ข้อคิดดีๆ . . . ความรัก . . .ความผูกพันธ์

วันนี้. . .เราอาจรู้สึกผูกพันต่อสิ่งหนึ่ง จนคิดว่าเราขาดไม่ได้ แต่เวลาจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป สักวันเราจะรู้ว่า. . .สิ่งที่เราผูกพันในวันนี้ เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เติมชีวิตเรา ไม่ใช่. . .ทั้งหมดของชีวิตเรา วันหนึ่ง. . .หากเรามีโอกาสได้เจอสิ่งที่ถูกใจสิ่งใหม่ ที่เราคิดว่าเราพึงใจ ปรารถนา. . .ต้องการ. . .ขาดไม่ได้ เราก็จะเริ่มผูกพันกับสิ่งใหม่ได้ในเวลาไม่นานนัก เมื่อเวลาหนึ่งผ่านไป จะสอนเราได้เองว่า. . . ความผูกพันกับสิ่งใดๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง จะเป็นความสุขในช่วงเวลานั้นๆ อย่าได้ไปยึดติด อย่าได้ไปใช้ชีวิตทั้งชีวิตหลุ่มหลง คิดเสียว่า. . .เราโชคดีที่มีโอกาสได้ผูกพันกับสิ่งที่เรารัก ความผูกพัน. . .ก็เหมือนกับความรัก หรืออาจจะเป็นผลพวงที่มาจากความรัก หากเรารักใครคนใดคนหนึ่งมาก เราก็จะรู้สึกว่าผูกพันมาก แต่ความผูกพันที่ว่า ไม่ได้หมายถึงการหยุดตัวเอง. . . ไว้กับสิ่งนั้น เพราะคนทุกคน ย่อมผูกพันกับหลายๆ สิ่ง เปรียบเสมือนเรามีแก้วน้ำอยู่หนึ่งใบ ในยามเช้าเราอาจต้องใช้แก้วใบนี้ดื่มนม พออากาศร้อนหน่อย เราอาจต้องการน้ำเย็น ๆ บางครั้งที่เราไม่สบาย เราอาจต้องการน้ำอุ่น ใจเราก็เหมือนกับแก้วน้ำ ต้องเติมสิ่งต่าง ๆ ในเวลาที่แตกต่างกัน ตามความเหมาะสม หากเราเติมน้ำเย็นลงไปในแก้วน้ำ แล้วเติมน้ำร้อนลงไปในทันทีในแก้วใบเดียวกัน เราก็จะพบว่าแก้วใบนั้น ก็จะร้าวแล้วเริ่มแตก ซึ่งก็เหมือนกับใจเรา. . . ความผูกพันต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดในช่วงเวลาหนึ่งไม่ผิด ถ้าเราค่อยๆ ปรับใจ ปรับตัวของเราเอง ให้กลับคืนในเวลาที่ควร

นี่สิ...ผู้หญิงที่ผู้ชายหลงรัก

ต่อ ให้สไตล์ความชอบผู้หญิง ในมุมมองของผู้ชาย จะมีมากมายหลากรูปแบบ ประเภทที่บางรายอาจชอบสาวเปรี้ยว สาวห้าว สาวแกร่ง สาวน้อย คิกขุหวานแหวว สาวนุ่มนิ่มเรียบร้อย หรือสาวช่างฝันก็ตาม แต่หากถามว่า ผู้หญิงแบบไหนที่ ผู้ชายสามารถรักได้ไม่ยากนี่สิ คงต้องคิดหนัก ว่าแบบฉบับเวอร์ชั่นไหนถึงจะถูกใจทำให้ชาย หลงใหลได้ปลื้มจนเกิดอาการปิ๊งได้ คงต้องมีสูตรลับพิเศษที่จะช่วยเสริมแต่ง ให้กับสาวๆ ทุกสไตล์ แอบเก็บเอาไปไว้ใช้เป็นคุณสมบัติพิเศษทำเก๋ให้คุณ ผู้ชายได้ใฝ่ฝันถึง ไม่ว่าคุณจะเป็นสาวสไตล์ไหน เคล็ดลับเด็ดที่ทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้หญิงทรงเสน่ห์จนเพศตรงข้ามเกิดอาการ สะดุดรักได้ไม่ยาก มีดังนี้ค่ะ เอาใจเก่ง เสน่ห์ ของหญิงข้อนี้ แม้จะเป็นสิ่งที่คุณๆ ทั้งหลายรู้ดี แต่ก็ไม่ค่อยมีใครทำกันสักเท่าไหร่ เพราะมัวหยิ่งบ้าง ไม่กล้าบ้าง แบบนี้เห็นทีต่อให้เริดแค่ไหน ถ้าขาดนิสัยความเป็นสาวช่างเอาอกเอาใจ ไม่ว่าผู้ชายหน้าไหนก็ไม่มีใครชอบ หรอก เพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่ผู้ชายทุกคนปรารถนา อ่อนหวาน สาวห้าวอย่าเพิ่งร้องโวยเป็นอันขาด และโปรดทำใจรับรู้และ ยอมรับซะเถอะว่า บางครั้งหัวใจสาวห้าวอย่างคุณก็เคยมีช่วงเวลาของการ แสดงออกที่บ่งบอกถึงความอ่อนโยนได้เหมือนกัน ไม่ต้องถึงขนาดเปลี่ยนตัวเองให้เป็นสาวหวานฉ่ำ แค่มีความ อ่อนโยนอ่อนหวานติดตัวไว้บ้าง ก็เพียงพอแล้ว อย่างน้อยบางอารมณ์น่าจะพูดจาอ่อนโยนน่าฟังบ้าง ไม่ว่ากับเขาหรือคนอื่นๆ มันจะยิ่งทำให้คุณดูดีขึ้น อีกเยอะ เปิดเผย ข้อนี้สาวขี้อายอาจมีปัญหา แต่การเปิดเผยไม่ได้หมายความว่า จะต้องถึงขั้นทำตัวห้าวหาญแต่อย่างใด การเปิดเผยในที่นี้หมายถึง ให้คุณ แสดงความจริงใจบ้างเล็กๆ น้อยๆ เพื่อบอกให้เขารู้ว่าคุณชอบเขา ทำอะไร อย่าเหนียมมากไป ร้อนก็บอกว่าร้อน เผ็ดก็บอกว่าเผ็ด กล้าคุยเรื่องหน้าแตก ของตัวเองให้เขาฟังบ้าง คุณจะดูเป็นคนอบอุ่น และไม่มีลับลมคมในอะไร ซ่อนไว้ หัวอ่อน จะเอาใจแฟนทั้งที มันต้องมีบ้างที่ต้องหัดเป็นคนหัวอ่อน ยอมเออออตามเขาไปในบางครั้ง แต่ที่ให้ยอมนั้น ไม่ได้หมายความว่า จะให้ยอมไปซะทุกเรื่อง ทุกอย่างเหมือนดังเช่นเป็นทาส แค่เชื่อฟังเขาบ้างในบางโอกาส และยอมรับ ในสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลด้วยเช่นกัน เพราะถ้าขืนทำตัวก๋ากั่นดื้อรั้นชนิดไม่ฟัง ใครเลย ไม่ว่าจะแฟนคุณหรือใครๆ ก็คงไม่ชอบหรอกค่ะ ปราดเปรียว ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงที่อืดอาดเกินเหตุ แม้ใจจะยังปรารถนาแม่ ศรีเรือนผู้งามพร้อม เพราะยุคสมัยนี้ ความคล่องแคล่ว ปราดเปรียวนี่ละ ที่เป็นเสน่ห์หนึ่งของผู้หญิงยุคใหม่ ออดอ้อน ผู้หญิงที่ยอมออดอ้อนคู่รักบ้างในโอกาสเหมาะๆ พระเอกของ คุณคงรักจนหมดใจแน่นอนแต่อ้อนพองามนะคะ ไม่เช่นนั้น อาจกลายเป็น น่ารำคาญไป อารมณ์ขัน ไม่ว่าสเปกของเขาจะชอบสาวเงียบขรึม หรือสาวแข็งกระด้าง อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย ผู้ชายจะเซ็งคุณได้สักวัน เมื่อเขารู้สึกว่าอยู่กับคุณแล้วโลกไม่สดใส สักวันหนึ่งเขาคงจะตีจาก แต่ คุณไม่จำเป็นต้องตลกโจ๊กเป็นตลกมืออาชีพหรอก เพียงแค่รู้จักเล่าเรื่อง สนุกๆ ขำๆ บ้าง หัวเราะร่าเริงเมื่อคนอื่นคุยเรื่องตลก ไม่ใช่หน้าแข็งอารมณ์ เดียวตลอดเวลา จะทำให้น่าเบื่อที่สุด และไม่ใช่นั่งนินทาใครให้คนหัวเราะ เพราะผู้หญิงขี้นินทาไม่มีเสน่ห์นักหรอก ฟอร์มเหมือนไม่มีฟอร์ม ผู้ชายจะไม่พิสมัยผู้หญิงที่เก๊กหรือฟอร์มตลอดเวลา ดังนั้น ขอให้คุณทำตัวเป็นธรรมชาติที่สุด อยากคุยอยากถามอะไรกับเขาก็ทำ หรือปวดฉี่ก็บอกได้ ไม่ต้องนั่งเก๊กแล้วรอให้คนอื่นมาชวนคุย มีน้ำใจ ควรแสดงความมีน้ำใจห่วงใยเอื้ออาทรออกมาบ้าง ไม่ว่าจะกับ เขาหรือกับใคร เพราะคนใจดำไร้น้ำใจคงไม่มีเสน่ห์แน่นอน เข้าใจง่าย ควรมองโลกในแง่ดี ไม่เจ้าปัญหาจนน่ารำคาญ หัดเป็นคน ง่ายๆ ไม่จู้จี้จุกจิกมากเกินไป การแสดงความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ได้ดี เป็นการแสดงถึงนิสัยใจคอของคุณเอง ที่คนพิเศษของคุณจะเห็นได้ทันที และทำให้เขาเชื่อใจคุณ เพราะคุณเข้าใจเขาได้ดี มีเรื่องอะไรเขาก็จะเปิดเผย ให้คุณรู้ และชอบที่จะนั่งสนทนากับผู้หญิงที่เปี่ยมเสน่ห์แบบคุณ แล้วคุณหละ? มีสิ่งไหนอยู่ในตัวบ้าง?

กรรมส่งผลเสมอ อย่าทำผิดทั้งชีวิต^^

สมัยนี้มีผู้ชอบกล่าวว่า เงินไม่มีเกียรติไม่มี นั่นไม่ใช่ความถูกต้อง เป็นความรู้สึกของคนบางคนเท่านั้น คนบางคนที่มีความเห็นผิดเป็นชอบ เท่านั้นที่จะมีความรู้สึกว่า คนไม่มีเงินเป็นคนไม่มีเกียรติ เงินกับเกียรติมิใช่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มิใช่เป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ คนไม่มีเงินแต่มีเกียรติก็มีอยู่ คนมีเงินแต่ไม่มีเกียรติก็มีอยู่ ความสำคัญอยู่ที่ว่า เงินที่มีหรือที่ได้นั้นเป็นเงินที่จะทำให้เกียรติยศชื่อเสียงสิ้นไปหมดหรือ ไม่ ควรจะพิจารณาให้รอบคอบในเรื่องนี้ โดยเฉพาะผู้ที่ยังคำนึงถึงชื่อเสียงเกียรติยศของตนเอง และของวงศ์ตระกูล เช้า วันนี้ใครสักคนอาจจะตื่นขึ้นด้วยจิตใจเร่าร้อนเป็นอันมาก เมื่อพิจารณาหาเหตุผลก็ได้พบว่า เมื่อวานหลานเล็กๆ กำลังน่ารักน่าเอ็นดูและเป็นที่รักที่ชื่นใจอย่างยิ่งร้องไห้กลับมาจาก โรงเรียน สะอึกสะอื้นอย่างเสียอกเสียใจยิ่งนัก ปลอบถามก็ได้ความว่า ถูกเพื่อนเด็กๆ ด้วยกันนั่นเองตะโกนล้อว่า เป็นหลานคนขี้โกง เด็กได้พยายามแก้ว่าไม่เป็นความจริง แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเด็กหลาย คนรุมกันยืนยัน เมื่อเด็กร้องไห้แล้วเล่าให้ฟังนั้น ใครจะรู้สึกอย่างไรไม่ทราบ แต่เจ้าตัวเองนั้นรู้สึกว่ากระทบกระเทือน เหลือเกิน ทั้งอายทั้งโกรธ เหตุก็เพราะรู้ตัวว่า เงินทองที่หาได้อยู่เสมอๆ นั้น ได้มาด้วยวิธีที่ไม่ชอบไม่ควรจริงๆ จริงอยู่ เสียงที่กล่าวหาเป็นเสียงของทารกไร้เดียงสา แต่ถ้าไม่ได้ฟังมาจากผู้ใหญ่แล้ว ทารกไร้เดียงสาเหล่านั้นจะไปได้ความคิดจากไหน นึกถึงหลานเล็กๆ ที่อับอายขายหน้าถึงกับร้องไห้ลั่น เพราะต้องเป็นลูกหลานคนขี้โกง นึกแล้วก็สงสาร ไม่สบายใจ ไม่ได้เป็นความผิดของเด็กเลย แต่เป็นความผิดของผู้ใหญ่แท้ๆ เมื่อวางทิฐิในทางที่ผิดลง ยอมสารภาพทุกสิ่งทุกอย่างกับตนเองอย่างเปิดเผย ด้วยการคิดตอบโต้กับตัวเองอยู่ในใจอย่างยืดยาว ก็ได้ผลสรุปลงว่า ความโลภของคนคนเดียวที่นำให้กระ ทำสิ่งที่ผิด เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทองนั้น ความเสื่อมเสียมิได้เกิดแก่ คนคนเดียว แต่เกิดติดต่อไปได้ถึงพี่น้องลูกหลาน ใครรู้ใครเห็นก็จะกล่าวตำหนิว่า พี่คนโกง น้องคนโกง ลูกคนโกง หลานคนโกง ฯลฯ คนเหล่านั้น ก็พลอยได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศไปด้วย เมื่อทำตนให้มั่งมีเพราะการโกง แต่ขณะเดียวกันก็ทำ ให้คนอื่นต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศ เช่นนี้จะเรียกว่า ฉลาด มีปัญญาทำ สิ่งที่สมควรได้อย่างไร ต้องเรียกว่าไม่ฉลาดเลย ไม่มีปัญญาเลย จึงได้ทำสิ่งที่ไม่ควรจะทำ ชื่อเสียงเกียรติยศเป็นสิ่งมีค่ายิ่ง ควรถนอมรักษาไว้ ควรแลกได้แม้กับทรัพย์สินจำนวนมาก เสียงภายในใจบอกว่าไหนๆ ก็โลภ จนเสื่อมเสียไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะมาเสียใจ ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดแก้ไข ไม่อาจทำให้ชื่อเสียงเกียรติยศกลับคืนดีได้แล้ว สู้หาลาภผลต่อไปดีกว่า อย่างน้อยก็ยังมั่งมีเป็นเศรษฐี ไม่มีใครกล้ามาชี้หน้าได้ตรงๆ ว่าโกงว่ากิน เมื่อเสียงในใจดังขึ้น เพื่อฉุดกระชาก ไปในทางผิดต่อไปเช่นนี้ สติที่เกิดขึ้นทัน จะทำให้คิดตอบแก้ได้ว่าไม่ถูก คิดเช่นนั้นไม่ถูก ชื่อเสียงเกียรติยศที่เสียไปแล้วก็เป็นส่วนที่เสียไป แต่ถ้ากลับมากระทำความดี ละความชั่วความผิดแต่เดิมเสีย เช่น ไม่โลภ ไม่โกงต่อไป ก็จะสามารถสร้างชื่อเสียงเกียรติยศใหม่ขึ้นได้ ตัวอย่างก็มีอยู่ คนที่กลับตัวกลับใจได้ แม้จะมีผู้รู้อดีตที่ผิดที่ชั่วก็จะไม่นำมากล่าวถึงอย่างตำหนิติเตียน แต่มักจะนำมายกย่องสรรเสริญว่าเป็นคนดีที่กลับตัวกลับใจได้ ไม่ทำผิดทำชั่วไปตลอดชีวิต เป็นคำยกย่องสรรเสริญที่จะทำให้ผู้ได้รับภาคภูมิใจ เกิดปีติยินดีและเกิดกำลังใจ เชื่อมั่นว่าแม้จะได้ทำผิดไปแล้วเพียงใด ต้องเสื่อมเสียชื่อ เสียงเกียรติยศไปแล้วเพียงไหน ก็ควรกลับใจ ละความไม่ดี มาทำความดี เช่น ละความโลภที่รุนแรง จนทำให้แสวงหาโดยมิชอบ มาทำความโลภให้ลดน้อยลง ตามลำดับ ด้วยการพยายามดับความปรารถนาต้องการให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ซึ่งควรจะต้องกระทำถึง ๒ วิธี คือ ไม่ดิ้นรนแสวงหา และสละสิ่งที่แสวงหามาไว้แล้วให้เป็นทาน ทั้ง ๒ วิธีนี้ต้องทำให้สม่ำเสมอให้เป็นนิสัย จึงจะเห็นผลคือเห็นความโลภลดลงจนถึงหมดสิ้นไปได้ในวาระหนึ่ง ที่จริง จิตใจเวลามีความปรารถนาต้องการ กับเวลาไม่มีความปรารถนาต้องการนั้นแตกต่างกันมาก จิตใจยามมีความโลภหรือความปรารถนาต้องการนั้นไม่ได้มีความสุข มีแต่ความร้อน ความตื่นเต้นกระวนกระวายขวนขวายเพื่อให้ได้สมปรารถนา จิตใจยามไม่มีความปรารถนาต้องการนั้นมีความสุข อย่างยิ่ง เห็นจะต้องเปรียบง่ายๆ คือ ในยามหลับกับในยามตื่น ยามหลับไม่มี ความปรารถนาต้องการ ยามตื่นมีความปรารถนาต้องการ ทุกคนเหมือนกันไม่มียกเว้น ยามไหนเป็นยามสบายที่สุด ทุกคนตอบได้และคำตอบทุกคนเหมือนกัน คนที่ หลับแล้ว สงบแล้วจากความปรารถนาต้องการไม่ว่าจะหลับบนฟูก อันอ่อนนุ่มในคฤหาสน์ใหญ่โตมโหฬารหรูหราเพียงใด หรือจะหลับอยู่บนดินบนทรายแข็งระคายเพียงไหน ย่อมเป็นสุข เพราะจิตใจพ้นจากอำนาจของความปรารถนาต้องการที่เป็นเหตุแห่งความทุกข์ความ ร้อน แม้คิดเปรียบถึงความสุขและความไม่สุขของคนนอนหลับกับคนตื่นอยู่ กับความสุขและความไม่สุขของคนมีความปรารถนาต้องการรุนแรงในใจ กับคนมีความปรารถนาต้องการน้อย ก็จะได้พบคำตอบที่ชัดเจนที่น่าจะทำให้ตัดสินใจเลือกได้ว่าควรพยายามทำใจตน เองให้มีความปรารถนาต้องการน้อยหรือไม่ ทุกคนต้องการความสุขความสบาย ใจด้วยกันทั้งนั้น แต่ทุกคนก็ยังไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการ เพราะใจยังมีความปรารถนาต้องการหรือความโลภนี้แหละอยู่เป็นอันมาก โดยที่ไม่พยายามทำให้ลดน้อยลง เห็นจะด้วยมิได้คิดให้ประจักษ์ในความจริงว่า ความโลภคือเหตุใหญ่ประการหนึ่ง ซึ่งนำให้ความทุกข์ให้ร้อน ให้ไม่มีความสุขความสบายใจกันอยู่อย่างมากทั่วไปในทุกวันนี้ แม้ทำสติพิจารณาให้ดีจะเห็นได้ไม่ยากนัก ว่าความทุกข์ความร้อนที่มีมาแต่ไหนๆ และดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มขึ้นในปัจจุบันนี้ เกิดจากความโลภหรือความปรารถนาต้องการเป็นสำคัญ เช้าวันนี้ ใครสักคนอาจจะตื่นขึ้นด้วยอารมณ์ขุ่นมัวยิ่งนัก เมื่อพิจารณาหาเหตุผลได้พบง่ายๆ ว่าเมื่อคืนนอนหลับดึกมาก เพราะเมื่อเข้านอนนั้นใจเกิดย้อนนึกไปถึงอดีตของตนเองที่ไม่อุดมสมบูรณ์เช่น ขณะนี้ ซ้ำยังขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งเสียด้วย แต่เพราะเป็นคนมีโอกาส จะไม่ขอกล่าวว่าโอกาสดี เพราะความจริงนั้นมิใช่โอกาสดี เป็นเพียงโอกาสที่เปิดให้สามารถถือเอาสิ่งที่ไม่ใช่ของตนไปเป็นของตนได้เท่า นั้น และโอกาสเช่นนั้นก็มีบ่อยจนสามารถทำให้ฐานะเปลี่ยนแปลงเป็นตรงกันข้าม อยู่ในปัจจุบันนี้ นึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสมบัติมีค่าของตน เช่นที่เคยนึกมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ประหลาดที่ครั้งนี้นึกผิดกับ ทุกครั้ ง คือ เมื่อนึกนั้นมิได้นึกอย่างภาคภูมิมีความสุข ในครั้งนี้กลับไปนึกอย่างเดือดร้อน เพราะความจริงในใจที่ตนเองรู้อยู่ไม่ยอมฝังตัวเงียบอยู่ต่อไป หากโผล่พลุ่งขึ้นมาเหมือนส่งเสียงบอกดังลั่นอยู่ในความรู้สึกของตนเองว่า สมบัติมีค่าที่ตนกำลัง ได้ครอบครองอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ได้มามิชอบทั้งสิ้น เสียงนั้นดังลั่นๆ จาระไนต่อไปว่า ได้มาอย่างไรบ้าง ทำให้ใครต้องเดือดร้อนเพราะการได้ของตนอย่างไรบ้าง เสียงนั้นมิได้เกรงอกเกรงใจเสียเลย จาระไนชัดเจนแจ่มแจ้ง ไม่ยอมหยุดยั้งว่าเจ้าตัวจะโมโหโทโสและพยายามจะบังคับให้เสียงนั้นหยุด ประจานอดีตชั่วร้ายของตนเสียที จนในที่สุดก็จำต้องใช้ยานอนหลับ เมื่อกลางคืนเกือบจะผ่านพ้นไป จึงสามารถทำ ให้เสียงอันกล้าหาญไม่เกรงกลัวอำนาจใดๆ เลย หยุดไปได้เพราะการนอนหลับด้วยอำนาจยาระงับประสาท แต่ก็ดูเหมือนว่า เสียงนั้น จะยังคอยจ้องที่จะทำลายจิต ใจต่อไปอีก เพราะเมื่อรู้ตัวตื่นขึ้นในเช้าวันนี้ เสียงนั้นก็ย้อนกลับมาดังขึ้นอีกทันทีพร้อมกับความขุ่นมัวเศร้าหมองเป็นอัน มาก หากเสียงนั้นมิได้เป็นเสียงแห่งอนุสติของตนเอง หากเสียงนั้นเป็นเสียงของบุคคลอื่นภายนอก ก็แน่นอนเหลือเกินที่จะต้องถูกจัดการให้รับโทษไปแล้วอย่างหนัก ฐานบังอาจนำความจริงที่ตนเองไม่ปรารถนาให้ใครพูดถึง มาตะโกนประจานอยู่ลั่นๆ และยืดยาว เรียกได้ว่าเกือบจะไม่เหลือ อะไรให้ปกปิดเป็นความลับไว้อีกเลย เสียง ในใจตนเองจาระไนเสียหมดสิ้น ชี้โทษให้หมดสิ้น พยายามค้านก็ค้านไม่ขึ้น เพราะที่ค้านนั้นตัวเองก็รู้ว่าเป็นเพียงการพยายามที่จะปิดบังความจริงซึ่ง เคยใช้มาแล้วกับบุคคลอื่นที่มิใช่ตนเอง ที่ไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อเขาก็แสดงออกให้เห็นว่าเขาเชื่อ แต่เมื่อมาใช้กับตนเองกลับไม่ได้ผลเลย ยกเหตุผลอธิบายไปก็ย้อนตอบกลับมาอย่างทำให้ใจร้อนเป็นฟืนเป็นไฟทุกครั้งไป เพราะทำให้เห็นโทษที่ตนได้กระทำไปแล้วชัดเจนและมากมาย ทำให้พาลเห็นเครื่องบ้านเครื่องเรือนราคาแพงลิบลิ่ว ที่อุตส่าห์หามาด้วยอำนาจความปรารถนาต้องการ กลายเป็นสิ่งอัปมงคลที่ทำให้ต้องเดือดร้อนหัวใจ ความพลุ่งพล่านทำให้คิดไปว่าได้สิ่งอัปมงคลมาไว้ จะต้องทำลายเสียให้หมดในวันนี้ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีความสงบสบายใจ จะมีแต่ความเดือดร้อน แต่ยังมีสติเกิดขึ้นได้ทันเวลาในขณะนั้น ทำให้มีเสียงถามขึ้นในใจอย่างชัดเจนว่า ความเดือดร้อนเกิดจากสิ่งของจริงหรือ มิได้เกิดจากใจตนเองดอกหรือ เสียงนั้นเป็นเสียงที่เกิดจากสติ เมื่อถามแล้วก็ตอบให้อย่างชัดเจนด้วยว่า ความเดือดร้อนทั้งหลาย เกิดจากใจตนเอง ใจที่เต็มไปด้วยกิเลส โดยเฉพาะความโลภความปรารถนาต้องการอย่างรุนแรงอย่างไม่มีขอบเขต จนกระทั่งทำให้ได้มาซึ่งสมบัตินอกกายทั้งหลายมากมาย ซึ่งหลงคิดว่าจะทำให้ไม่ต้องเดือดร้อนใจอีกต่อไปเพราะความไม่มี หาได้ทันคิดไม่ว่าความเดือดร้อนใจที่เกิดจากความไม่มีนั้น ไม่รุนแรงเท่าความเดือดร้อนใจที่เกิดจากความมีโดยมิชอบ ความมีหรือ ความได้มาโดยมิชอบทำให้ความร้อนใจจริงโดยเฉพาะผู้ที่ยังพอ รู้จักบาปบุญคุณโทษแล้ว แม้จะพยายามปกปิดหลอกคนอื่นอย่างไร ก็ปกปิดหลอกตนเองไม่ได้ ก็จะต้องเดือดร้อนเพราะความรู้จักผิดชอบของตนเองแน่นอน ความรู้จักผิดชอบเกิดขึ้นเมื่อใด จะทำให้ผู้ที่ได้อะไรๆ ไปโดยมิชอบ โดยผิดศีลธรรม ต้องเร่าร้อน และความรู้สึกผิดชอบจะต้องเกิดขึ้นแก่ทุกคน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง อาจจะเมื่อใกล้ตายหรืออาจจะก่อนหน้านั้น จะทำความทรมานใจให้เป็นอันมาก เพราะทุกคนแม้จะทำลืมไม่สนใจเรื่องผล ของกรรม แต่จะมีวันหนึ่งที่จะทำลืมไม่สำเร็จ น่าจะเป็นวันที่นึกถึงความตายได้อย่างมีสติและปัญญาว่าจะต้องมาถึงตนในวัน หนึ่งแน่นอน หนีไม่พ้น วันนั้นแหละอำนาจความโลภหรือความปรารถนาต้องการที่ทำให้แสวงหาสมบัติโดยมิ ชอบในอดีต จะปรากฏเป็นโทษแก่จิตใจอย่างรุนแรงยิ่งกว่าเวลาอื่น ควรจะกลัว เพราะย่อมเป็นสิ่งน่ากลัวอย่างยิ่งจริงๆ ควรจะเชื่อไว้ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง เพื่อว่าจะได้ยอมเชื่อว่าไม่ควรจะปล่อยให้ความโลภหรือความปรารถนาต้องการมี อำนาจชักจูงใจให้ทำสิ่งอันมิชอบ ที่จะก่อความเดือดร้อนให้เกิดขึ้นแก่ผู้อื่น เพราะความเดือดร้อนนั้นจะเกิดแก่ตนเองด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน การกระทำทุกอย่างมีผล กรรมดีให้ผลดี กรรมชั่วให้ผลชั่ว ผู้ใดทำกรรมใด ไว้จักได้รับผลของกรรมนั้น การกระทำ ไปตามอำนาจความโลภหรือความปรารถนาต้องการ เป็นกรรมชั่ว ผลจึงต้องชั่ว.

คิดแบบบวก

เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist) เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง เวลาเจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ เวลาเจอคนที่ใช่ แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์ เวลาเจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบที่ว่า "มารไม่มีบารมีไม่เกิด" เวลาเจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม "ในวิกฤตย่อมมีโอกาส" เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์ จะไม่มีเชื้อโรคใดเจาะผ่านภูมิคุ้มกันของเราได้ หากมีจิตใจที่คิดแต่สิ่งดี ภายในวิกฤตที่เลวร้าย หากใช้สติและเหตุผลพิจารณาอย่างรอบคอบ เราอาจจะได้เห็นด้านดีๆ ของชีวิต ที่ซ่อนอยู่ก็ได้

♥ คำคมดีๆจากคนดังๆ ♥

ในการเดิน ทางของชีวิต แต่ละคนต่างมีแรงบันดาลใจ และความคิดในการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกันไป หลายคนอาจมีแรงบันดาลใจจากประโยคสั้น ๆ แต่เป็นสัจธรรมของนักคิดนักเขียนหลาย ๆ คน หลาย คนอาจเรียนรู้และเป็นผู้สร้างวลีแห่งสัจธรรมขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่สำหรับวันนี้ เราขอนำวลีเด็ดที่เป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของคนดังหลาย ๆ คนตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันมาฝากกันค่ะ

1. "ผมไม่ชอบช่วงเวลาแห่งการฝึกฝน แต่ผมจะบอกตัวเองว่า อย่าหยุดฝึก ทำต่อไปและใช้ชีวิตอย่างผู้ชนะ" มูฮัมหมัด อาลี

2. "คุณสามารถมีทุกอย่างที่คุณต้องการได้ ถ้าหากคุณลบล้างความคิดที่ว่าคุณไม่สามารถมีทุกอย่างได้" โรเบิร์ต แอนโธนี

3. "ไม่มีใครที่ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าที่ตัวเองคิด" เฮนรี่ ฟอร์ด

4. "ถ้า เอาพนักงานปอน ๆ ที่มีเป้าหมายในชีวิตมาให้ผมสักคน เขาจะกลับไปอย่างคนที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้ แต่ถ้าเอาคนที่ไร้เป้าหมายในชีวิตมาให้ เขาจะกลับไปอย่างพนักงานปอน ๆ" เจ ซี เพนนี่

5. "วิธีที่ดีที่สุดในการทำนายอนาคตก็คือ สร้างมัน" ดร. ฟอร์เรสท์ ซี แชคลี

6. "ชีวิตมันไม่ได้อยู่ที่เวลา แต่มันอยู่ที่การตัดสินใจ คุณตัดสินใจทำอะไรกับชีวิต" เบเวอร์ลี อดาโม

7. "ความ สำเร็จเกี่ยวเนื่องกับการกระทำ คนที่ประสบความสำเร็จจะเดินไปเรื่อย ๆ พวกเขาอาจจะสร้างความผิดพลาดหลายอย่างในชีวิต แต่พวกเขาไม่เคยหยุดเดิน" คอนราด ฮิลตัน

8. "มีคำถามหลายคำถามที่ทุกคนควรจะหาคำตอบ แต่ทำไมคุณไม่หาคำตอบเสียตอนนี้เลยล่ะ" ทิโมธี เฟอร์ริส

9. "นักฝัน คือ ผู้กอบกู้ของโลกใบนี้" เจมส์ อัลเลน

10. "โชคชะตาไม่ใช่เรื่องของโอกาส แต่เป็นเรื่องของการตัดสินใจ" ไม่ระบุชื่อ

11. "อนาคตจะอยู่กับคนที่เชื่อในความฝันอันงดงามของพวกเขา" เอเลียเนอร์ รูสเวลท์

12. "คุณภาพของชีวิตคนขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับทางที่เราเลือกเดิน" วินเซ่ ลอมบาร์ดี

13. "จงกล้าหาญเพื่อเติบโต และเปิดเผยเพื่อเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง" อี อี คัมมิงส์

14. "ไม่มีคำว่าสายเกินไป สำหรับสิ่งที่ฝัน" จอร์จ อีเลียต

15. "ผีเสื้อ หากไม่ขยับปีกบินให้มาก ๆ มันก็ไม่ต่างอะไรจากหนอน" ไทรนา พอลลัส

16. "ทำในสิ่งที่เราสามารถทำได้ก่อนในวันนี้ แต่อย่าปล่อยฝันที่คิดว่าจะทำไม่ได้ในวันพรุ่งนี้" จอห์น วูดเด้น

17. "ความผิดพลาดคือโอกาสในการเริ่มต้นใหม่อย่างฉลาดขึ้น" เฮนรี่ ฟอร์ด

18. "อย่าพยายามเพื่อเป็นคนที่มีแต่ความสำเร็จ แต่จงพยายามเพื่อเป็นคนที่มีคุณค่า" อัลเบิร์ต ไอสไตน์

19. "ไม่มีสิ่งดี ๆ ใดที่สำเร็จได้โดยปราศจากคนดี ๆ และคนเราจะดีได้เมื่อเราตั้งใจเป็นคนดีเท่านั้น" ชาร์ลส์ เดอ กอลเล่

20. "จิตใจอยู่ในพื้นที่ของมัน และมันสามารถทำให้พื้นที่ของมันเป็นสวรรค์แห่งนรก หรือนรกแห่งสวรรค์ก็ได้" จอห์น มิลตัน

21. "คุณไม่อาจเก็บความจริงและเคลียร์วิสัยทัศน์ของทรัพย์สมบัติ ถ้าหากคุณมุ่งความสนใจไปที่รูปตรงข้าม" ชาร์ล เดอ โกล

22. "เรื่องดี ๆ ทุกเรื่องบนโลกใบนี้เกิดขึ้นเมื่อคนเราไม่ยอมแพ้ และเดินหน้าต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม" สไปรท์ โลริเอโน

23. "ป่าไม้หลายแห่งมีจุดเริ่มต้นมาจากเมล็ดพืชเมล็ดเดียว" รัลฟ์ วัลโด เอเมอร์สัน

24. "ความกล้าหาญของคน ๆ เดียว เป็นจุดเริ่มต้นของพลังมหาศาล" แอนดรูว์ แจ๊กสัน

25. "ความอ่อนแอในวันนี้ คือชีวิตของคุณในวันพรุ่งนี้" ไมค์ เมอร์ด็อค

ล้างใจ..ให้ปลอดโปร่งโล่งสบาย

ล้างใจให้ปลอดโปร่งโล่งสบาย (Health Plus) เก็บกวาดสิ่งที่รกสมองออกไปให้หมด ถึงเวลาที่คุณจะคืนพื้นที่ให้สมอง เพื่อให้เกิดความปลอดโปร่งโล่งสบาย นอนไม่หลับเพราะงานกองสุมหัว หงุดหงิดเพราะต้องรอคิวนาน แม่สามีเอาเรื่องชวนปวดหัวมาให้ สารพันปัญหาเหล่านี้ ทำให้สมองของคุณหนักอึ้ง ถึงเวลาที่คุณต้องจัดระเบียบสิ่งที่อยู่ในหัวของคุณ หาวิธีทำจัดต้นเหตุแห่งความเครียดที่อยู่กับคุณเป็นอาจิณ แล้วคุณจะรู้สึกมีความสุขมากขึ้น และหากไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน เรามีคำตอบมาให้... ความเครียดแบบที่ 1 มีงานรัดตัวจนกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ สุดท้ายงานก็ไม่เสร็จสักอย่าง! ทางแก้ "แจกแจงงานทั้งหมด จัดลำดับความสำคัญของงานที่ต้องทำก่อนหลัง" ดร.แคตติ มอสส์ อายุรแพทย์กล่าว "เขียนความคิดต่าง ๆ ในหัวลงบนกระดาษ จะได้มีที่ว่างในหัวของคุณมากขึ้น เมื่อคุณเขียนรายการงานที่ต้องทำแล้ว ให้โยนสิ่งที่สุมอยู่ในหัวคุณทิ้งไปซะ จากนั้น เริ่มลงมือทำงาน ถึงตรงนี้ให้ถามตัวเองถึงงานที่ต้องทำ "คุณจำเป็นต้องทำงานนี้จริงหรือไม่" แล้วคุณจะแปลกใจที่หลายครั้งคำตอบที่ได้ คือ "ไม่" จะเห็นว่า การแจกแจงรายการงานที่ต้องทำในครั้งแรก คือการสร้างพื้นที่ว่างให้สมอง แต่การแจกแจงรายการในครั้งที่สอง คือรายการงานที่ต้องทำจริง ซึ่งไม่ควรมีเกินกว่า 10 รายการ ความเครียดแบบที่ 2 ฉันกังวลเรื่องงานอยู่ตลอดเวลา! ทางแก้ แม้จะรู้ดีว่าวิตกกังวลใจไปก็ไร้ประโยชน์ แต่เราทุกคนก็อดไม่ได้ ถามตัวเองดูสิว่า ความวิตกกังวลเปลี่ยนอะไร ๆ ให้ดีขึ้นได้หรือไม่ หากได้ก็จงวิตกกังวลต่อไป หากไม่ได้ จงหายใจเข้าลึก ๆ นับ 1 ถึง 10 นึกถึงแต่เรื่องที่มีความสุข เผชิญความวิตกกังวลด้วยความเบิกบาน "ความเบิกบานใจเป็นพื้นฐานของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทำให้คุณรู้จักมองความทุกข์ได้เข้าถึงอย่างรอบด้าน โดยให้ความสำคัญกับมันน้อยลง" ลิซ ทักเกอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความเครียดกล่าว วางแผนทำกิจกรรมที่สร้างความสุขให้ตัวเองอย่างน้อยวันละหนึ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการคุยกับเพื่อน เดินเล่นในสวนสาธารณะ กินอาหารอร่อย ๆ ที่ภัตตาคาร หรือแม้แต่การอาบน้ำอย่างสบายใจด้วยสบู่ หรือแชมพูกลิ่นหอมสดชื่น ความเครียดแบบที่ 3 ฉันไม่กล้าปฏิเสธเวลามีคนมาขอความช่วยเหลือจากฉัน มันทำให้ฉันแทบบ้าตาย! ทางแก้ ถึงเวลาที่พลังอำนาจของคำว่า "ไม่" เข้ามามีบทบาท ซึ่งตรงข้ามกับความเชื่อของคนส่วนใหญ่ การเซย์โนไม่จำเป็นต้องก่อให้เกิดผลลบเสมอไป หากคุณชอบพูดคำว่า "ได้ค่ะ" กับทุกเรื่อง แล้วต้องมานั่งเครียดกับเรื่องพวกนี้ในภายหลัง คงถึงเวลาที่คุณต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวางภารกิจต่าง ๆ ลงบ้าง รวมถึงรู้จักตอบปฏิเสธ เริ่มจากการตอบปฏิเสธใครสักคนอย่างน้อยวันละครั้ง แต่อย่าใช้น้ำเสียงเกรี้ยวกราดอธิบายเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ โดยพูดทำนองว่า "วันนี้ฉันคงช่วยทำไมได้ แต่ถ้าเป็นอาทิตย์หน้าไม่มีปัญหา" มาดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไป พวกเขาอาจไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแทน ไม่ช้าคุณจะรู้สึกมั่นใจ และกล้าที่จะตอบปฏิเสธในเวลาที่จำเป็น คุณจะเริ่มสังเกตพบว่าความรู้สึกของคุณดีขึ้น การตอบปฏิเสธทำให้คุณมีพลังอำนาจและสุขุมเยือกเย็น

ความเครียดแบบที่ 4 หงุดหงิดร้อนใจอยู่เรื่อย! ทางแก้ อดโมโหไม่ได้เวลาที่แม่สามีติว่า อาหารที่คุณทำรสชาติไม่เป็นสับปะรด หรือพูดใส่อารมณ์กับสามี เวลาที่คุณเห็นเขาทิ้งผ้าเช็ดตัวบนเตียง หรือเถียงกับน้องสาวด้วยเรื่องเดิม ๆ ว่าใครติดหนี้ใคร ถ้าเหล่านี้คือปัญหาของคุณ มีวิธีแก้ง่าย ๆ คือ หายใจลึก ๆ 5 ครั้ง นับ 1 ถึง 10 หรือมิฉะนั้นก็เดินออกจากห้องไปเลย แล้วเดินกลับเข้ามาใหม่เมื่ออารมณ์เย็นลง จากนั้นจัดการกับปัญหาด้วยอารมณ์ขัน โดยพูดว่า "ละอายใจจังที่แม่ไม่ปลื้มอาหารที่หนูทำ ถ้างั้นไปซื้ออาหารปรุงสำเร็จมาทานกันดีไหมคะ" หรือ "บอกฉันหน่อยได้ไหมว่า นิสัยอย่างไหนของฉันที่คุณไม่ชอบ ถ้าฉันเลิกทำนิสัยแบบนั้น คุณก็ควรเลิกทำนิสัยแบบนี้" หรือพูดว่า "เราเลิกทะเลาะกันด้วยเรื่องแบบนี้เถอะ เปลี่ยนเรื่องพูดดีกว่า...เอ่อ งานใหม่ของเธอเป็นยังไงบ้าง" การ แก้เผ็ดที่ดีที่สุดคือการทำใจให้เย็น พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองในเวลาที่คนอื่นควบคุมอารมณ์ของตนไม่ได้ แล้วคุณจะรู้สึกเหมือนเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะ มากกว่าเป็นวัยรุ่นใจร้อน แต่ถ้ายังรู้สึกเครียดหรือหงุดหงิดไม่หาย เลสลี่ เคนตัน กูรูด้านสุขภาพแนะให้ลองทานโสมซึ่งมีสรรพคุณช่วยบำบัดความเครียด "นำรากโสมตากแห้ง 25 กรัมผสมกับชา 1 ถ้วย ดื่มแก้เครียด" ความเครียดแบบที่ 5 ฉันติดรายการข่าว ชอบฟังเรื่องกอสซิปขาดไม่ได้เลย ทำยังไงให้สมองปลอดโปร่งไม่เครียดกับข่าวที่รับฟังมาทั้งวัน! ทางแก้ การ หยุดพักไม่รับข่าวสารจากหนังสือพิมพ์ หรือทีวีสักหนึ่งวัน จะทำให้คุณรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แทนที่จะเอาแต่นั่งเสพข่าว คุณน่าจะเอาเวลาไปจัดการกับข้าวของที่วางระเกะระกะซึ่งทำให้บ้านรกดีกว่า ถามตัวเองดูสิว่า การเสพข่าวสารเป็นกลวิธีหลีกหนีจากความวุ่นวาย ทำให้คุณได้พักผ่อนสมองจริงหรือไม่ ขั้น ต่อไปคือ การดีท็อกซ์สิ่งแวดล้อมรอบตัว การเก็บกวาดห้องให้เป็นระเบียบคือการทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง ไม่สับสนวุ่นวาย เริ่มจากประกาศวันทิ้งขยะ ซึ่งเป็นวันที่คุณจะสำรวจข้าวของที่ไม่ใช้ เก็บกระดาษทุกแผ่นมัดรวมกัน ดูว่ากระดาษแผ่นไหนเป็นเอกสารสำคัญหรือต้องโยนทิ้ง ลบอีเมล์ขยะทิ้ง และลบอีเมล์แอดเดรสของคุณออกจากลิสต์รายชื่ออีเมล์ เวลากรอกข้อมูลแบบฟอร์มใด ๆ ในเว็บไซต์ ให้ทำเครื่องหมายที่ช่อง "ไม่" รับข้อมูลเสริมใด ๆ และอย่าให้อีเมล์แอดเดรสของคุณกับเว็บไซต์ใด ๆ หากไม่จำเป็น

@>ความคิดดี ดี จากปู่เย็น<@

ข้อคิดดีๆ.. จากชายชราที่จากไป (ถึงซ้ำก็ยังอยากให้อ่าน)

ข้อคิดดี ๆ จากชายที่จากไป แง่คิดดีๆ จากชายชราผู้จากไป โดย พิษณุ นิลกลัด สัปดาห์สุดท้ายของปี 2548 ผมไปงานสวดและงานเผาศพผู้ชายวัย 81 ปีที่ผมรู้จักเขามายาวนาน 30 ปี ไม่ใช่ญาติ แต่ สนิทกันรักใคร่เสมือนญาติ ก่อนเสียชีวิตไม่กี่วันเขาสั่งลูกและภรรยาแบบคนไม่ครั่นคร้ามความตายว่า สวดสามวันแล้วเผา ไม่ต้องบอกใครให้วุ่นวาย อย่าเศร้า อย่าร้องไห้ ทุกคนต้องมีวันนี้ เพียงแต่เขาอยู่หัวแถวเลยต้องไปก่อน แล้วลูกเมียก็ทำตามคำสั่ง สวดสามวันเผา งานสวด 3 คืน มีคนฟังพระสวดคืนละ 14 คน คือเมีย ลูก หลาน เขย สะใภ้ และผม ซึ่งเป็นคนนอก เป็นงานศพที่มีคนไปร่วมงานน้อยที่สุดเท่าที่ผมเคยไปฟังสวด วันเผามีเพิ่มเป็น 17 คน สามคนที่เพิ่ม เป็นเพื่อนบ้านที่เคยคุยด้วยเกือบทุกเย็น คนหนึ่งเป็นแม่ค้าล็อตเตอรี่ที่เคยยืมเงินแล้วไม่มีสตังค์จ่าย เลยเอาล็อตเตอรี่ทยอยผ่อนใช้หนี้แทนเงิน งวดละสองใบคนหนึ่ง และคนสุดท้ายเป็นหญิงที่ผู้ตายเคยผูกปิ่นโตทุกมื้อเย็น ทั้งสามคนบอกว่า เกือบมาไม่ทันเผา เคราะห์ดีที่แวะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่บอกว่าเสียชีวิตไปแล้ว 3 วัน หลังฌาปนกิจ พระกระซิบถามเจ้าหน้าที่วัด ว่าเจ้าของงานจ่ายเงินค่าศาลาสวดพระอภิธรรมแล้วหรือยัง พระท่านคงไม่เคยเห็นงานศพที่มีคนน้อยแบบที่ผมก็รู้สึกตั้งแต่สวดคืนแรก จริงๆ แล้วผู้ตายเป็นคนค่อนข้างมีสตังค์ ทำงานธนาคารแห่งประเทศไทยจนเกษียณอายุที่ ตำแหน่งหัวหน้าหน่วย แต่ด้วยความที่รักและศรัทธาอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการแบงค์ชาติ จึงดำเนินชีวิตแบบไม่ปรารถนาให้ใครเดือนร้อน แม้กระทั่งวันตาย ผมสนิทกับเขาเพราะเขามีความฝันในวัยเด็กอยากเป็นนักประพันธ์แบบไม้เมืองเดิม ที่เขาเคยนั่งเหลาดินสอและวิ่งซื้อโอเลี้ยงให้ เมื่อตัวเองเป็นนักเขียนไม่ได้ พอมาเจอะผมที่เป็นนักข่าวก็เลยถูกชะตา และให้ความเมตตา การมีโอกาสได้พูดได้คุยกับเขาตามวาระโอกาสตลอด 30 ปี ทำให้ได้แง่คิดดีๆ มาใช้ในการดำรงชีวิต วันหนึ่งเขารู้ว่า ขโมย ยกชุดกอล์ฟของผมไป สองชุดราคา 4 แสนกว่าบาท เขาปลอบใจผมว่า 'ของที่หายเป็นของฟุ่มเฟือยของเรา แต่มันอาจเป็นของจำเป็นสำหรับลูกเมีย ครอบครัวเขา คิดซะว่าได้ทำบุญ จะได้ไม่ทุกข์' เขามีวิธีคิด 'เท่ๆ' แบบผมคิดไม่ได้มากมาย เป็นต้นว่า สุขและทุกข์อยู่รอบตัวเรา อยู่ที่ว่าเราจะเลือกหยิบเลือกคว้าอะไร คงเป็นเพราะเขาเลือกคว้าแต่ความสุข ช่วงปีสุดท้ายของชีวิต เขาต่อสู้กับโรคชรา เบาหวาน หัวใจ ความดัน เกาต์ และไตทำงานเพียง 5% โดยไม่ปริปากบ่น แถมยังสามารถให้ลูกชายขับรถพาเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยที่ตัวเองต้อง หิ้วถุงปัสสาวะไปด้วยตลอดเวลา เนื่องจากไตไม่ทำงาน ปัสสาวะเองไม่ได้ 6 เดือน สุดท้ายของชีวิตต้องนอนโรงพยาบาลสามวัน นอนบ้านสี่วันสลับกันไป เวลาลูกหลาน หรือเพื่อนของลูกรวมทั้งผมด้วยไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล เขามีแรงพูดติดต่อกันไม่เกิน 10 นาที แต่ 10 นาที ที่พูด มีแต่เรื่องสนุกสนาน เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนไป เยี่ยมไข้ ทุกคน พูดตรงกันว่า 'คุณตาไม่เห็นเหมือนคนป่วยเลย ตลกเหมือนเดิม' พอแขกกลับ ลูกหลานถามว่าทำไมคุยแต่เรื่องตลก เขาตอบว่า 'ถ้าคุยแต่เรื่องเจ็บป่วย วันหลังใครเขาจะอยากมาเยี่ยมอีก' เขาเป็นคนชอบคุยกับผู้คนไม่ว่าจะอยู่บนเตียงคนไข้หรืออยู่บนรถแท็กซี่ บ่อยครั้งที่นั่งรถถึงหน้าบ้านแล้ว แต่สั่งให้โชเฟอร์ขับวนรอบหมู่บ้าน เพราะยังคุยไม่จบเรื่อง แล้วจ่ายเงินตามมิเตอร์! 4 เดือน สุดท้ายของชีวิตแพทย์ที่รักษาโรคไตมาตั้งแต่สมัยเป็นแพทย์อินเทิร์น จนกระทั่งเป็นหัวหน้าแผนก แนะนำให้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลให้แข็งแรง แล้วค่อยกลับบ้าน แต่ อยู่ได้ 4 วันเขาวิงวอนหมอว่า ขอกลับบ้าน หมอซึ่งรักษากันมา 16 ปีไม่ยอม เขาพูดกับหมอด้วยความสุภาพว่า 'ขอให้ผมกลับบ้านเถอะ ผมอยากฟังเสียงนกร้อง' คุณหมอไม่รู้หรอก ว่าคนคิดถึงบ้านมันเป็นอย่างไร เพราะพอเสร็จงานหมอก็กลับบ้าน' หมอได้ฟังแล้วหมดทางสู้ ยอมให้คนไข้กลับบ้าน แต่กำชับให้มาตรวจตรงตามเวลานัดทุกครั้ง 1 เดือน ถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เขาสูญเสียการควบคุมอวัยวะของร่างกายเกือบทั้งหมด เคลื่อนไหวได้อย่างเดียวคือกะพริบตา แต่แพทย์บอกว่าสมองของเขายังดีมาก เวลา ลูก เมียพูดคุยด้วย ต้องบอกว่า 'ถ้าได้ยินพ่อกะพริบตาสองที' เขา กะพริบตาสองทีทุกครั้ง! เห็นแล้วทั้งดีใจและใจหาย เขา ยังรับรู้ แต่ พูดไม่ได้ นี่กระมังที่เรียกว่าถูกขังในร่างของตนเอง สิบวันก่อนพลัดพราก ภรรยากระซิบข้างหูว่า ' พ่อสู้นะ ' เขา ไม่กะพริบตาซะแล้ว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้สองเดือนเคยตอบว่า ' สู้ ' เขาสู้กับสารพัดโรคด้วยความเข้าใจโรค สู้ ชนิดที่หมอออกปากว่า ' คุณลุงแกสู้จริงๆ ' ตอนที่วางดอกไม้จันทน์ ผมนึกถึงประโยคที่แกพูดกับลูกเมื่อสี่เดือนก่อนว่า 'โรคภัย มันเอาร่างกายของพ่อไปแล้ว อย่าให้มันเอาใจของเราไปด้วย' 'แง่คิดดีๆ จากชายชราที่จากไป ' สอนให้เรารู้ว่า... เราเกิดมาพร้อมกับจิตใจบริสุทธิ์ และมันสมองมหัศจรรย์ ที่จะสามารถเรียนรู้ แยกแยะเรื่องดีๆ และสิ่งร้ายๆ ในชีวิต จงใช้โอกาสดีๆ ที่ร่างกายและจิตใจของเรา ยังทำอะไรๆ ได้อย่างที่สมองสั่ง จงเรียนรู้ และสร้างประโยชน์สุข ให้กับตนเองและผู้อื่นอย่างพอเพียง และดำรงชีวิตอย่างพอเพียงทางเศรษฐกิจ หากทุกๆ ครั้งที่เรียนรู้ เราล้ม เราพลาด อาจจะรู้สึกท้อบ้างในบางที แม้ไม่มีกำลังกายที่จะลุกในทันที..แต่ข้อให้มีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป ถ้าเราเรียนรู้...ก็จะทำให้เราพบว่า การล้มหรือพลาดครั้งต่อไป เราจะไม่เจ็บเท่าเดิม

..." ความเป็นจริงของชีวิต" ...อ่านหน่อยน่า...

วัยรุ่น : มีเวลา + มีกำลัง... แต่ไม่มีเงิน

วัยทำงาน : มีเงิน +มีกำลัง....แต่ไม่มีเวลา

วัยชรา : มีเวลา +มีเงิน....แต่ไม่มีกำลัง จงทำแต่พอดี.....ในตอนที่ยังมี กำลัง อย่าโหมงานหนักจน.....ไม่มี เวลา แม้จะได้ เงิน มา....แต่อาจไม่ได้ใช้

มีไปทำไม

http://www.fwdder.com/topic/280460

สำหรับทุกคนที่กำลังรู้สึกท้อแท้

http://www.youtube.com/watch?v=RtsLeqQ1024&eurl=http%3A%2F%2Fplay%2Ekapook%2Ecom%2Fvdo%2Fshow%2D69426&feature=player_embedded

4 วิธีดับทุกข์ เมื่อทำงานกับคน น่าเบื่อ

เทคนิคทำงานแบบไม่ทุกข์แม้ต้องร่วมงานกับคนเจ้าปัญหาวัน ๆ เราต้องเจอกับผู้คนร้อยแปดประเภท เราไม่อาจเลือกคบกับคนที่มีลักษณะไม่ตรงใจเราได้ ทว่าเมื่อไหร่ที่เราเรียกตัวเองว่ามืออาชีพ สิ่งที่เราต้องทำคือสามารถทำงานกับคนได้ทุกรูปแบบ แม้กระทั่งคนเจ้าปัญหา เพราะการโบ้ยความเสียหายของงานว่าเกิดจากผู้ร่วมงานย่อมฟังไม่ขึ้นเผลอ ๆ บริษัทจะมองว่าเราเป็นตัวปัญหาด้วยซ้ำ ฉะนั้นลองทำความเข้าใจกับพวกเขาเหล่านี้และลุยงานตรงหน้าให้เสร็จดีกว่า

ทำใจปล่อยวาง

การทำงานร่วมกับคนที่เราไม่สามารถควบคุมให้เป็นอย่างที่ต้องการได้คงไม่มี อะไรทำง่ายกว่าทำใจ ลำพังแค่จัดการกับชีวิตของตัวเองให้เป็นอย่างที่เราต้องการก็เป็นเรื่องยาก พอแล้ว ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องเปลี่ยนแปลงให้คนอื่นเป็นไปอย่างที่เราต้องการ เมื่อเราปล่อยวางเรื่องของคนอื่นแล้ว ชีวิตก็จะมีเรื่องให้เครียดน้อยลงไปอีก

คิดเสียว่ามาทำงาน

การมาทำงานย่อมต้องเจอกับคนสารพัดรูปแบบ เมื่อเข้ามาในออฟฟิศก็ขอให้ถอดหัวใจเก็บเอาไว้ก่อน แล้วบอกตัวเองว่านี่เป็นแค่ที่ทำงานแห่งหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่โลกทั้งใบของเราและเมื่อไรที่ก้าวเท้าออกจากที่ทำงานก็ขอให้ทิ้งปัญหาไว้ตรงนั้น อย่าปล่อยให้มันไปรบกวนชีวิตอันแสนสุขของเราเด็ดขาด

มองผู้อื่นด้วยใจเมตตา

คนเราไม่มีใครแย่ไปหมดทุกอย่าง หากเราได้มีโอกาสมองจากมุมคนเจ้าปัญหา เราอาจพบปัญหาบางอย่างในชีวิตของเขา ที่อาจส่งผลให้เจ้าตัวต้องสร้างปัญหาให้กับคนรอบข้างก็ได้ คิดเสียว่ายังอย่างน้อยเราก็โชคดีที่ชีวิตของเราไม่ได้มีปัญหามากมายขนาดนั้น

ถือเป็นบททดสอบทางจิตใจ

การเจอเรื่องยาก ๆ แต่ละครั้งย่อมเป็นการทดสอบจิตใจของตัวเราว่าจะผ่านพ้นปัญหาเหล่านั้นไปได้สวยงามแค่ไหน หากเราทนกับคนเจ้าปัญหาและยังสามารถทำงานร่วมกับพวกเขาได้ ก็ถือว่าสอบผ่านแบบทดสอบทางจิตใจที่จะทำให้เราเป็นคนใจเย็นขึ้นใจกว้างขึ้น อดทนมากขึ้น แล้วชีวิตการทำงานในวันข้างหน้าก็ย่อมง่ายขึ้นด้วย

เพื่อนร่วมโลก ( อ่านแล้วคิดเอาเองนะ )

แต่งงานกับหนุ่มต่างชาติ

http://www.thailovelinks.com/Thai/?ovchn=GGL&ovcpn=Thai+Thailand+Content+Join+Marriage&ovcrn=ad+1&ovtac=PPC&gclid=CPbO9_e0_aYCFYd66wodXSqgag

น้ำหอมดึงดูด ผู้หญิง

http://www.sanaeh.com/pheromones-products.php?gclid=CPX-l_u0_aYCFQMb6wod7T72aA

วิธีเลือกคู่ของผู้ชาย-อ่านเถอะสั้นนิดเดียว

ผู้ชายคนนึงอยากแต่งงาน แต่ไม่รู้จะเลือกใครดีระหว่างผู้หญิง 3 คน เขาเลยให้ของขวัญทั้ง 3 คนเป็นเงินสดคนละ 5,000 เหรียญ แล้วดูว่าแต่ละคนจะทำอะไรกับเงินที่ให้ไป คนแรก เอาไปใช้เรื่องแต่งตัวหมดเลย เธอเข้าร้านเสริมสวยทำผมใหม่ แต่งหน้าใหม่ ซื้อชุดสวยๆ ใหม่ใส่ เธอบอกเขาว่าที่ท ำไปทั้งหมด ก็เพื่ออยากสวยสำหรับเขา เพราะเธอรักเขามาก เขาประทับใจเธอมาก คนที่สอง ไปซื้อของใช้ผู้ชายให้เขา เธอซื้อไม้กอล์ฟใหม่ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และเสื้อผ้าแพงๆ ให้เขา ตอนเธอให้ของขวัญเขา เธอบอกว่าเธอใช้เงินทั้งหมดเพื่อเขาคนเดียว เพราะเธอรักเขา เขาก็ประทับใจอีก คนที่สาม เอาเงินไปลงทุนในตลาดหุ้น ได้เงินมาหลายเท่า เธอคืนเงิน 5,000 เหรียญแก่เขา และลงทุนต่อโดยใช้ชื่อร่วม เธอบอกเขาว่าเธออยากเก็บเงินไว้เพื่ออนาคตสำหรับเธอและเขา เพราะเธอรักเขามาก เขาประทับใจเป็นที่สุด ชายหนุ่มคิดอยู่นานเกี่ยวกับวิธีใช้เงินของผู้หญิงแต่ละคน และแล้วเขาก็แต่งงานกับคน.... **** ที่นมใหญ่ที่สุด....**** สัดดดเอ้ยยย... ผู้ชายก็เป็นแบบนี้แหละ รู้ไว้ซะ ถ้าคุณไม่ส่งเมลนี้ต่อไปให้เพื่อนอีก 5 คนทันที จะมีคนหัวเราะน้อยลง 5 คน ( หมายความว่าถ้าส่งไปจะต้องมีคนหัวเราะแน่ เพราะฉะนั้นรีบส่งซะ)

----- Forwarded Message ----

จงรู้ตนอยู่เสมอ
รู้ว่าเราทุ่มเททำเพื่ออะไร
รู้ว่าความลังเลใจไม่ช่วยอะไร
รู้ว่าไม่มีอะไรน่ากลัว ถ้าเรากล้า
และคนที่ทุ่มเทไม่ลังเล
ไม่กลัว และกล้าเท่านััน
ที่จะมีแรงฝ่าฝันอุปสรรคยาก ๆ ของชีวิตได้"


--

ขอบคุณเจ้าของภาพและเรื่อง คุณหยุงหยิงมาไว้นะที่นี้ครับ ขอฝากบริการดีๆเพื่อการผ่อนคลายและเพื่อสุขภาพครับ ขอบพระคุณครับ http://th.88db.com/Health/Spa-Massage/ad-958636/
-- **** รู้จักขอบคุณเมื่อได้รับ ขออภัยเมื่อผิดพลาด คือสิ่งที่สมาชิกกลุ่มพึงกระทำ **** กติกา ง่ายๆ ในกลุ่ม 0. ห้ามโพสเรื่องการเมือง หรือถกเถียงเรื่องการเมืองที่ จะก่อความวุ่นวายภายในกลุ่ม ฝ่าฝืนแบนทันทีโดยไม่แจ้งให้ทราบ 1. ห้ามโพสรูปภาพหรือข้อความที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางเสื่อมเสีย 2. ห้ามใช้วาจาหยาบคาย ห้ามบ่นว่าเมล์ หรือ reply เยอะ 3. ห้ามโฆษณาที่หวังผลประโยชน์ทางการค้า ใครโพสแบนทันทีโดยไม่แจ้งให้ทราบ 4. ไม่ได้รับเมล์อีกกดลิงค์นี้ http://groups.google.com/groups/bounced 5. กรุณาใช้ถ้อยคำที่สุภาพ 6. ห้ามส่ง Invite เวปบิทเข้ากรุ๊ปโดยเด็ดขาด 7. ห้ามใช้ตัวหนังสือ สีแดงใหญ่ในการโพสเมล์ปกติ - ส่งเมล์เข้ากลุ่มได้ที่ - สมัครรับเมล์-ส่งเมล์เปล่ามาที่ noolex+ - ลาออกจากกลุ่ม-ส่งเมล์เปล่ามาที่ noolex+ * ทั้งสมัครและลาออก ต้องยืนยันลิงค์จากระบบทุกครั้ง อย่าลืมนะคะ มีอะไรก็แบ่งปัน ^ นู๋เล็ก ^ Group's Owner (-`๏’•ิ__•ิ`๏’-)

ข้อคิดดีๆ สำหรับชีวิตคน(อย่างเรา) เยอะมากๆ เลือกเอาตามใจชอบ

ข้อคิดดีๆ สำหรับชีวิตคน(อย่างเรา)
เกียรติยศย่อมเกิดจากการกระทำที่สุจริต ถ้าคุณหัวเสีย คุณจะเสียหัว อย่าไล่สุนัขให้จนตรอก อย่าต้อนคนให้จนมุม อำนาจที่ปราศจากเหตุผล คือ อำนาจของคนพาล อำนาจที่ปราศจากความเมตตา คือ อำนาจที่นำมาซึ่งความปราชัย ถ้าคุณคิดจะเป็นใหญ่ คุณก็จะได้เป็นใหญ่ ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไร คุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น
เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"
นกทำรังให้ดูไม้ ข้าเลือกนายให้ดูน้ำใจ ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น จริงคือลวง ลวงคือจริง ถ้าคุณคิดว่าข้าศึกมีทางเลือกเพียง 2 ทาง จงแน่ใจได้ว่าเขาจะเลือกทางที่ 3
ถ้าสติไม่มา ปัญญาก็ไม่มี มังกรถ้าไร้หัว หางก็ตีกันเอง ถ้าคานบนเอน คานล่างก็เบี้ยว ถ้าเสาเอกเฉียง เสาโทก็เฉ คนมองไม่เห็นการณ์ไกล ภัยก็จะมาถึงตัว คนไม่รู้จักตัดไฟ ภัยก็จะน่ากลัว ยามเรืองรุ่งพุ่งเปรี้ยงดุจเสียงฟ้า แม้เทวายังสยบหลบทางให้ จะหยิบดาวเดือนชมก็สมใจ คงร้องให้วันหนึ่งแน่ คราวแพ้มี ไม้คดใช้ทำขอเหล็กงอใช้ทำเคียว แต่ คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว เดินหมากรุกยังต้องคิด เดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร
เมื่อเสียหลักก็ต้องหลบอย่างฉลาด เมื่อพลั้งพลาดต้องรู้ลึกใส่ปลีกหาง ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆทำ ค่อยคลำทาง จึงจะย่างสู่จุดหมายเมื่อปลายมือ ปลาใหญ่มักตายน้ำตื้น ตัดไผ่อย่าไว้หน่อ ฆ่าพ่ออย่าเหลือลูก คิดทำการใหญ่ ใจคอต้องเหี้ยมหาญ ข้าพเจ้ายอมทรยศต่อคนทั้งโลก ดีกว่าให้คนในโลกทรยศต่อข้าพเจ้า เป็นแม่ทัพแล้วไม่กล้าตัดหัวคน เป็นแม่ทัพที่ดีไม่ได้
เมื่อใครสักคนหนึ่ง ทำผิด ท่านอย่าเพิ่งตำหนิหรือต่อว่าเขา เพราะถ้าท่านเป็นเขาและตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับเขา ท่านอาจจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้ การบริหารคือการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยมือผู้อื่น ผู้ปกครองระดับธรรมดา ใช้ความสารมารถของตนอย่างเต็มที่ . ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่ . ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่นอย่างเต็มที่ .
อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น ความกตัญญู เป็นเครื่องหมาย ของคนดี . จะพลิกพลิ้วชิวหา เป็นอาวุธ เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ใช่ หรือ อาจจะ" เขามีความหมายว่า "อาจจะ" เมื่อนักการฑูตพูดว่า "อาจจะ" เขามีความหมายว่า "ไม่" เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ไม่" เขาไม่ใช่นักการฑูต (เพราะนักการฑูตที่ดีจะไม่ปฏิเสธใคร)
เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ไม่" หล่อนมีความหมายว่า "อาจจะ" เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "อาจจะ" หล่อนมีความหมายว่า "ใช่ หรือ ได้" เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ใช่ หรือ ได้" หล่อนไม่ใช่สุภาพสตรี . (สุภาพสตรีจะไม่ตอบรับใครง่าย ๆ ) คิดทำการใหญ่ อย่าสนใจเรื่องเล็กน้อย คนฉลาดปราดเปรื่อง เขานั่งนิ่งสงวนคม ไม่มีใครเลี้ยงอาหารใครเปล่า ๆ โดยไม่หวังผลประโยชน์ตอบแทน ศัตรูที่ร้ายเหลือ ไม่เท่ากับเกลือเป็นหนอน เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน ฉะนั้นจึงอย่าประมาท
“ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถ มองเห็นคิ้วของตน” น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำฉันใด เราก็กลายเป็นคนฉลาดในช่วงเวลาลำบากฉันนั้น คนส่วนใหญ่ใส่ใจกับผลได้ระยะสั้นเท่านั้น แต่คนฉลาดอย่างแท้จริงจะมองไปยังอนาคต ดวงอาทิตย์ทำให้ทุกสิ่งกระจ่างชัด แต่ เรายังต้องทำความเข้าใจในส่วนที่มืด ซึ่งยังคงดำรงอยู่
เกิดเป็นเสือ อย่าขอเนื้อใครกิน มีความรักในวัยเรียน เปรียบเหมือนจุดเทียน ท่ามกลางสายฝน ความรักไม่ได้ทำให้คนตาบอด แต่คนต่างหากที่ยอมตาบอดเพื่อความรัก ความห่างไกล สอนให้ ใจคิดถึง ความรำพึง จะสอน ตอนห่วงหา ความเชื่อใจ จะสอน ตอนนินทา แต่ความกล้า จะสอน ตอนเรากลัว สามสิ่ง..ในชีวิตที่ไม่หวนกลับคือ เวลา คำพูดและโอกาส สามสิ่ง..ที่ชีวิตเราจะขาดเสียมิได้คือ ความสงบของจิตใจ ความซื่อสัตย์และ ความหวัง สามสิ่ง..ที่มีคุณค่าต่อชีวิตคือ ความรัก ความมั่นใจในตัวเองและเพื่อน สามสิ่ง..ที่ไม่แน่นอนคือ ความฝัน ความสำเร็จและโชคชะตา สามสิ่ง..ที่นำไปสู่ความพินาศของคนคือ เหล้า ความเย่อหยิ่งและความโกรธ
ชีวิตใคร ใครลิขิต ชีวิตใคร ชีวิตใคร เป็นเช่นไร ใครย่อมรู้ ชีวิตใคร ใยต้องให้ ใครคอยดู ชีวิตกู กูลิขิต ชีวิตเอง.
จะท้อแท้อ่อนใจไปใยเล่า ชีวิตเราชาตินี้ยังมีหวัง หากแขนขายังดีมีพลัง ชีวิตยังไม่สิ้นดิ้นต่อไป อันลิงช้าง กลางป่า เอามาหัด สารพัด หัดได้ ดั่งใจหมาย เราเป็นคน หัดไม่ได้ ช่างน่าอาย ฝึกทำดี ไม่ได้ ควรอายลิง
- - ผู้ชนะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ - - - - แต่ผู้แพ้เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา - - - - ผู้ชนะเสนอสิ่งใหม่ให้ทุกครา - - - - ส่วนผู้แพ้คอยสรรหา คำแก้ตัว - - - - ผู้ชนะมักจะบอก "ฉันขอช่วย" - - - - ผู้แพ้ไม่เอาด้วย เรื่องปวดหัว- - - - ผู้ชนะเห็นทางออก แม้มืดมัว - - - - ผู้แพ้เฝ้าแต่กลัวเจอทางตัน - - - - ผู้ชนะรอโอกาสทอง แม้ต้องยุ่ง - - - -ผู้แพ้มุ่งเห็นร้าน ที่หมายนั่น - - - -ผู้ชนะว่าทำได้ ต้องฝ่าฟัน - - - -ผู้แพ้บอกเลิกฝัน มันยากไป..... - -
เพราะสังคม ประเมินค่า ที่จนรวย คนจึงสร้าง เปลือกสวย ไว้สวมใส่ หากสังคม วัดค่า ที่ภายใน คนจะสร้าง แต่จิตใจ ที่ใฝ่ดี อยู่คนเดียวจงระวังความคิด อยู่กับมิตรจงระวังคำพูด ความสำเร็จ มักอยู่ไกล เกินไปถึง กับคนซึ่ง นั่งหงอย และคอยหา ความสำเร็จ จะมาอยู่ แค่ปลายตา กับคนที่ คิดว่า ต้องพยายาม เพื่อนที่ดี มีหนึ่ง ถึงจะน้อย ดีกว่าร้อย เพื่อนคิด ริษยา ดุจก้อนเกลือ เค็มนิดหน่อย ด้อยราคา ยังมีค่า กว่าน้ำเค็ม เต็มทะเล
นกที่ตื่นแต่เช้า ย่อมจับหนอนได้ก่อน เป็นพระมีหน้าที่เทศน์ เป็นเปรตมีหน้าที่ขอ คนสิ้นหวังมีหน้าที่รอ ส่วนคนสอพลอมีหน้าที่เลีย ถ้าจะแพ้ อย่าอ่อนแอ ให้ใครเห็น ถ้าอยากเป็น คนเข้มแข็ง ต้องแกร่งไว้ ถ้าอยากร้อง ไห้ก็ร้อง ให้หนำใจ แต่ขอให้ ได้อะไร จากน้ำตา อย่าทำ... ในสิ่งที่ไม่มีสิทธิ์ อย่าคิด... ในสิ่งที่ไม่มีค่า อย่ารอ... ในสิ่งที่ไม่มีมา อย่าไขว่คว้า...ในสิ่งที่ไม่มีจริง
มีเพียงสุนัขเท่านั้น ที่ยอมมอบความรัก โดยไม่มีเงื่อนไข หนึ่งในล้านฟังดูช่างแยบยล หนึ่งในคนฟังดูยิ่งยากกว่า หนึ่งในพันจงฟังให้ทุกคน คนทุกคนต้องการกําลังใจ " สัตว์ที่ขี้ขลาดตาขาวที่สุด เมื่อถึงเวลาที่จะต้องปกป้องสิ่งที่มันรัก อาจกลายเป็นสัตว์ที่ดุร้ายที่สุด....." คนที่ปล่อยชีวิตให้ผ่านพ้นไป โดยมิได้ทำสิ่งซึ่งเป็นประโยชน์ จะต้องเศร้ายิ่งกว่า คางคกที่นอนหมกอยู่ในห้องน้ำ.
แม้จะมีมือมากมายเหมือนทศกรรฐ์ แต่ถ้าเป็นมือที่เกียจคร้าน ก็สู้มือขอทานที่ด้วนเหลือข้างเดียวไม่ได้ ถ้าจำเป็นต้องสู้ จงสู้เสียแต่วันนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้ เราอาจจะตายเสียก่อน แล้วจะเอาโอกาสดีที่ไหนมาสู้.... แม้จะถูกผู้อื่นเหยียบย่ำ ก็จงอย่าได้ย่ำเหยียบตัวเองให้ต่ำลงไปอีก. เงินซื้อหมาสวยๆได้ แต่ซื้อการกระดิกหางของมันไม่ได้. รู้อย่างเดียวแต่ทำสำเร็จ ดีกว่ารู้หลายอย่างแต่ทำไม่สำเร็จเลยสักอย่าง ท่านเกียจตัวเองนักหรือ จึงได้เอาอย่างคนอื่นอยู่ร่ำไป. เมื่อเป็นหิ่งห้อย ก็อย่าอวดแสงกับพระจันทร์.
แบกวิชาไว้บนบ่า เบาที่สุดในโลก. ร่างกายมนุษย์กลายเป็นสัตว์ไม่ได้ แต่ใจกลายเป็นสัตว์ได้ นกยังพาตีนของมันไปติดบ่วงนายพรานได้ ลิ้นก็ย่อมพาคนไปสู่ความหายนะได้เหมือนกัน. อดอย่างเสือ ดีกว่าอิ่มอย่างหมา
นิสัยมนุษย์ ชอบเอื้อมในสิ่งที่สุดเอื้อมเสมอ. ชีวิตที่แข็งแรง แต่ขาดความทะเยอทะยาน ก็เหมือนไม้ผุท่อนเดียว ชายเจ้าชู้ มองหน้าอกผู้หญิง ด้วยความหมายที่ไกลเกินกว่าจะเป็นถังนมของทารก วาจาที่มีน้ำผึ้งติดปลายลิ้น อาจมียาพิษติดอยู่ในหัวใจ ผู้หญิงชั่วมากผัว ยังมีศักดิ์ศรีเหนือกว่า ผู้หญิงดี...มากชู้. หลอกคนด้วยความจริง แนบเนียนที่สุด.
ฟ้ากว้าง ทางไกล ไม่เคยหวั่น ภูเขาสูง หินผาชัน ฉันไม่สน จะเป็นตาย ร้ายดี ยอมพลีตน ความเป็นคน ค้นไป ไม่กลัวเลย ความฝัน ไม่ใช่ความจริง แต่สามารถทำให้เป็นจริงได้ ถ้าเรามุ่งมั่น ฝ่าฟัน ฝึกฝน ฝักใฝ่ หากความฝันสามารถไขว่คว้ามาได้ง่าย ๆ ก็คงไม่มีความจริงใด ๆ ในโลกเหลืออยู่แล้ว อันรักกันอยู่ไกลถึงขอบฟ้า เหมือนชายคาเข้ามาเบียดดูเสียดสี อันชังกันอยู่ใกล้สักองคุลี ก็เหมือนมีแนวป่าเข้ามาบังฯ. อันนารีรูปงามทรามสวาท ถ้าแม้ไร้มารยาทอันงามสม คงไม่มีชายใดจะอบรม มีแต่ชมเพื่อพลางแล้วร้างไป.
บางครั้งชีวิตเป็นเหมือนเส้นตรงที่ไม่สลับซับซ้อนคดโค้ง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า...ข้างหน้านั้น...จะไม่มีทางแยก ผมหงอกเป็นสัญญาลักษณ์ของอายุ ไม่ใช่ปัญญา คนโง่ถามปัญหาหนึ่งนาที คนฉลาดคิดทั้งที่ตอบไม่ได้ บิดาคือธนาคาร ที่บุตรถอนเงินโดยไม่ต้องฝาก ฝนตกอย่ามองดาว มีเมียสาวอย่าไว้ใจ
ภรรยาที่ดีควรเป็นรองเท้าคู่สามีเมื่อเดินพลาด หนทางที่ดีที่สุดที่จะลืมปัญหาของตนเอง ก็คือการช่วยแก้ปัญหาให้ผู้อื่น. เมื่อเผชิญกับปัญหาขนาดยักษ์แบบ "โกลิอัท" ท่านจะตอบว่า "มันใหญ่เกินไป สู้ไม่ไหว" หรือจะตอบแบบดาวิดว่า "ถ้าใหญ่อย่างนี้ย่อมไม่พลาดแน่" ? ชีวิตคงจะง่ายขึ้นมากหากคนเรา แสดงความอดทนในครอบครัว ให้เท่ากับเวลาที่เขาไปนั่งตกปลา ความร่ำรวยของคนเรา มิได้อยู่ที่ว่าเรามีทรัพย์สินเงินทองมากมายเพียงใด แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นคนอย่างไร.
บางคนไม่มีอะไรเลย แต่แสร้งทำเป็นคนร่ำรวย แต่บางคนมีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ก็แสร้งทำเป็นคนจน คนโง่คิดว่าเขารู้ทุกอย่าง หากท่านไปถกเถียงกับเขาท่านก็ยิ่งโง่ไปกว่าเขาเสียอีก. แม้หญ้าในสนามของบ้านข้างเคียงจะดูเขียวกว่าบ้านของเรา แต่ก็ยังต้องตัดอยู่นั่นเอง ตายพร้อมกับชื่อเสียงที่ดี ดีกว่ามีชีวิตกับชื่อเสียงที่ใช้ไม่ได้ กตัญญูให้ระลึกอยู่ในจิต สุจริตให้นึกคิดอยู่ในใจ



พ่อ สระอู
ทันทีที่ความแค้นคลุ้มคลั่ง ความคิดยับยั้งมักหลีกหนีหายไป
-- **** รู้จักขอบคุณเมื่อได้รับ ขออภัยเมื่อผิดพลาด คือสิ่งที่สมาชิกกลุ่มพึงกระทำ **** กติกา ง่ายๆ ในกลุ่ม 0. ห้ามโพสเรื่องการเมือง หรือถกเถียงเรื่องการเมืองที่ จะก่อความวุ่นวายภายในกลุ่ม ฝ่าฝืนแบนทันทีโดยไม่แจ้งให้ทราบ 1. ห้ามโพสรูปภาพหรือข้อความที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางเสื่อมเสีย 2. ห้ามใช้วาจาหยาบคาย ห้ามบ่นว่าเมล์ หรือ reply เยอะ 3. ห้ามโฆษณาที่หวังผลประโยชน์ทางการค้า ใครโพสแบนทันทีโดยไม่แจ้งให้ทราบ 4. ไม่ได้รับเมล์อีกกดลิงค์นี้ http://groups.google.com/groups/bounced 5. กรุณาใช้ถ้อยคำที่สุภาพ 6. ห้ามส่ง Invite เวปบิทเข้ากรุ๊ปโดยเด็ดขาด 7. ห้ามใช้ตัวหนังสือ สีแดงใหญ่ในการโพสเมล์ปกติ - ส่งเมล์เข้ากลุ่มได้ที่ - สมัครรับเมล์-ส่งเมล์เปล่ามาที่ noolex+ - ลาออกจากกลุ่ม-ส่งเมล์เปล่ามาที่ noolex+ * ทั้งสมัครและลาออก ต้องยืนยันลิงค์จากระบบทุกครั้ง อย่าลืมนะคะ มีอะไรก็แบ่งปัน ^ นู๋เล็ก ^ Group's Owner (-`๏’•ิ__•ิ`๏’-)

ความมืดมิด ♣ เขินจัง ถ้าต้องเอ่ยคำว่า"ขอโทษ" ♣

เขินจัง ถ้าต้องเอ่ยคำว่า"ขอโทษ"


ก็ เราทำผิดนี่นา ผิดก็ต้องยอมรับผิด ขอโทษเพื่อนซะ แต่แหมการจะขอโทษใคร สักคนมักช่าง ยากเย็นเข็ญใจเสียจริงๆ กว่าจะหลุดคำขอโทษออกจากปากได้คง ต้องหาวิธีช่วยซะแล้ว ขั้นตอนขอโทษ เพื่อนมีดังนี้ 1. คิดให้ออกว่าเกิดอะไรขึ้น และเราทำอะไรผิดถึงต้องขอโทษเพื่อน นั่น นะสิ ลองลำดับเรื่องราวให้ดีว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไร ทำไมถึง ต้องลงเอยแบบนี้ เรื่องราวร้ายแรงแค่ไหน เราทำอะไรที่ทำให้ต้องผิดใจ กับเพื่อน เมื่อวิเคราะห์แบบเจาะลึกได้แล้ว จะช่วยให้เราขอโทษ ได้ถูกจุดยิ่งขึ้น 2. เขียนลงกระดาษ เขียนลงไปให้หมดว่า เราต้องขอโทษเพื่อนว่าอย่างไร และเรื่องอะไรบ้าง การกระทำเช่นน ี้จะช่วยให้เราเรียบเรียงความคิดและระงับ ความตื่นเต้น รวมทั้ง ความกลัวต่างๆได ้ 3. เตรียมตัวให้ดี วิธีเตรียมตัวง่ายๆ คือ ฝึกซ้อมหน้ากระจก ไม่ว่าจะเป็นท่าทาง สีหน้าหรือคำพูดคำจาที่เรา เตรียมเอาไว้ ควรซ้อมพูดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหายตื่นเต้น ฟังดูอาจจะตลกแต่ว่าวิธีนี้ได้ผลจริงๆนะ 4. ชี้ให้ชัด ข้อ นี้สำคัญมาก คำพูดที่เราเตรียมไว้นั้น ต้องกระจ่างแจ้งชัดเจน ตรงประเด็น ว่ากันตรงๆไปเลยว่า เราขอโทษและเสียใจ ในกระทำของ เราเพียงใด อย่าใช้คำพูดอ้อมค้อมวกวน เดี๋ยวเพื่อนจะหงุดหงิด ยิ่งกว่าเดิม 5. อย่าแก้ตัว ห้ามหา ข้ออ้างหรือแก้ตัวโดยเด็ดขาด จงยอมรับผิดโดยดุษฎี ไหนๆเราก็ เป็นฝ่ายผิดและต้องการขอโทษเพื่อน เพราะฉะนั้นอย่าแก้ ตัวให้ เหตุการณ ์ยืดเยื้อบานปลายไปยิ่งกว่านี้ ดีไม่ดีอาจจะทำให้โกรธ กันยิ่งกว่าเดิม คราวนี้เลยต่อไม่ติด อาจต้องเลิกคบกันไปเลยก็ได้ 6. แบ่งปัน พูด คัยร่วมแลกเปลี่ยนหรือแบ่งปันความรู้สึกต่อเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น เลิกเลี่ยงการตำหนิติเตียน หรือพูดจาเว่อร์ๆ หรือพูดสิ่งที่ไม่ช่วย ให้อะไรดีขึ้นมาได้ 7. ฟังอีกฝ่าย ฟังหรือยอมรับปฏิกิริยา จากอีกฝ่าย ซึ่งก็คือเพื่อนของเรานั่นเอง โดยไม่ป้องกันตัวเอง คือถ้าเพื่อนยังโกรธและระบายออกมา ด้วยการ ต่อว่าเรา ก็จงเงียบยอมรับฟังเพื่อนบ้าง อย่าลืมว่าเราเป็น คนผิดนะ 8. เสนอตัวเอง ลอง ถามเพื่อนสิว่า มีหนทางอะไรที่พอจะแก้ไขได้บ้าง เราจะยอมทำทุก อย่างเท่าที่ทำได้เพื่อ ประสานรอยร้าว และทำให้ความสัมพันธ์ ระหว่าง เพื่อน ดีขึ้น แค่เราเอ่ยปากแบบ นี้เพื่อนก็ใจอ่อนขึ้นเยอะแล้ว เคล็ด ลับคือ ทำใจคิดเสียว่าการขอโทษ คือการทำให้ ้ความสัมพันธ์ แน่นแฟ้น ยิ่งขึ้น มิใช่การแสดงความเป็นคนอ่อนแอแต่อย่างใด ที่สำคัญต้องซื่อสัตย์ จริงใจ ขอโทษเฉพาะสิ่งที่เรารู้สึกว่า เป็นความ รับผิดชอบ ของเราจริงๆ อย่าขอโทษพล่อยๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อ ให้เหตุการณ์ หน้าสิ่วหน้า ขวานผ่านพ้นไปเท่านั้น เมื่อถึงตอนไปขอโทษก็ควรให้เวลาอีกฝ่ายทำ ใจบ้าง และควรเข้าใจว่า เขาอาจไม่ ยอมรับใน ตอนแรกเพราะกำลังทำใจอยู่ หากเป็นเช่นนั้น เราอย่าเพิ่งเสียกำลังใจ จงพยายามต่อไป และในกรณี ที่ไม่กล้าเผชิญหน้าเพื่อนจริงๆ ลองเขียนแสดงความรู้สึกลงกระดาษส่ง ไปให้เพื่อนก็ได้ ตัวค่อยตามไปทีหลัง จะช่วยสร้างกำลังใจและความกล้าให้เราได้ แต่ไม่ว่าเราจะพยายามหลบเลี่ยงแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องเผชิญหน้า เพื่อเอ่ย คำขอโทษ การยืดเวลาให้นานออกไป ยิ่งทำให้เรื่องราวคาราคาซัง รีบๆขอโทษไปเลย ดีกว่า เพื่อนจะได้รู้สึกว่าเรารักและยังแคร์ความรู้สึกของเ ขาไงละ

.. วันแรกของวันที่เหลืออยู่ .....


เห็นว่า อ่านแล้วดี เลยส่งต่อให้ ลองอ่านกันดู อยากให้ทุกๆคน มองเห็นแต่สิ่งดีๆ และความสุข แล้วปล่อยสิ่งร้ายๆ และความทุกข์ให้มันผ่านเราไปกับอดีต *ขออนุญาตใช้เมลล์จากที่ปุ๊กส่งมาให้นะ
---------- Forwarded message ---------- From: Seksan Porntairat <> Date: 2010/7/13 Subject: .. วันแรกของวันที่เหลืออยู่ .....

ส้ม 9 ลูก กับ ความตั้งมั่น

มีผู้ใจดีซื้อส้มชั้นดีคัดพิเศษ 9 ลูก ราคา 45 บาท แล้วจากนั้นก็แจกให้กับคนกลุ่มหนึ่ง ...
ส้มผลแรก อยู่กับขอทาน ขอทานผู้นั้นแกะทานแค่ครึ่งหนึ่ง แล้วอีกครึ่งหนึ่งก็ ขว้างทิ้งไปอย่างไม่แยแส แล้วก็บ่นว่า " ทุเรศจัง ... ให้มาได้แค่ส้มผลเดียว " ส้มผลที่สอง อยู่กับลูกของผู้ใจดี ลูกของผู้ใจดีนั้นก็แกะทานทันที เมื่อทานหมดผลแล้ว ก็พูดว่า ... " ส้มนี้อร่อยดีนะ " ส้มผลที่สาม อยู่กับแม่ของผู้ใจดี แม่ของผู้ใจดีนี้ นำส้มที่ได้ไปคั้นเป็นน้ำส้ม แล้วแช่ตู้เย็นไว้ เมื่อกระหาย จึงนำมาดื่ม ... " แหมม..น้ำส้มนี้ชื่นใจดีจริง " ส้มผลที่สี่ อยู่กับร้านขายของชำ เจ้าของร้านขายของชำก็นำส้มผลนี้ ไปคั้นเป็นน้ำส้ม เหยาะเกลือนิด เติมน้ำตาลหน่อย ปรุงได้ที่แล้วก็นำไปใส่แก้ว แช่ไว้ในตู้แช่ เมื่อมีคนเดินผ่านมาเปิดตู้แช่ แล้วหยิบน้ำส้มแก้วนั้นมาทาน เมื่อทานเสร็จ ก็นำแก้วเปล่านั้นวางไว้ที่ตู้แช่ ... " เท่าไหร่ครับ " " 10 บาท ครับ " ส้มผลที่ห้า อยู่กับพ่อค้าน้ำผลไม้ พ่อค้าน้ำผลไม้ก็นำส้มผลนี้ ไปคั้นเป็นน้ำส้ม เหยาะเกลือนิด เติมน้ำตาลหน่อย ปรุงได้ที่แล้วก็นำไปใส่ขวดพลาสติก แช่ไว้ในตู้น้ำแข็งบนรถเข็น แล้วเดินเข็นจำหน่ายไปเรื่อยๆ มีคนหนึ่งเดินสวนมา เรียกให้หยุด เสร็จแล้วก็เปิดตู้น้ำแข็ง ก็ชี้เอาน้ำส้มขวดนั้น คนขายหยิบน้ำส้มขวดนั้น เปิดหยิบหลอดพลาสติกเสียบให้ หนึ่งหลอดแล้วส่งให้คนๆนั้น ... " เท่าไหร่ครับ " " 20 บาท ครับ " และคน ๆ นั้นก็ถือขวดพลาสติกบรรจุน้ำส้มนั้นเดินจากไป ส้มผลที่หก อยู่กับร้านอาหารแห่งหนึ่งบนห้างสรรพสินค้าชั้นนำย่านลาดพร้าว เจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ก็นำส้มผลนี้ไปคั้นเป็นน้ำส้ม เหยาะเกลือนิด เติมน้ำตาลหน่อย ปรุงได้ที่แล้วก็นำไปใส่แก้วแล้วแช่ไว้ในตู้เย็น วันนั้นมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินเข้ามา เจ้าของร้านจึงเชื้อเชิญ และหาที่นั่งให้ ฝ่ายหญิง ... " น้ำส้มแก้วหนึ่ง ค่ะ " ฝ่ายชาย ... " กาแฟ ร้อน ครับ " เจ้าของร้านจึงนำน้ำส้มที่คั้นไว้นำมาใส่แก้วใบใหม่ แก้วใบนี้มีลักษณะทรงสูง รอบๆ แก้ว มีรูปหัวใจ ดวงเล็ก ๆ น่ารัก สีแดงติดอยู่ ภายในแก้วใบนั้นมีหลอดพลาสติกเสียบอยู่ ตรงปลายหลอดนั้นงอได้ แต่เจ้าของร้านไม่ได้มาเสริฟเอง แต่มีเด็กเสริฟใส่เสื้อเชิ๊ตสีขาว กระโปรงสีดำมาเสริฟ แทน เมื่อทานเสร็จ ... เช็คบิล ... น้ำส้มแก้วนี้ 50 บาท ส้มผลที่เจ็ด อยู่กับภัตตาคารแห่งหนึ่งแถวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งนี้ส้มผลนี้ถูกปรุงแต่งโดยบาร์เทนเดอร์มือหนึ่งของร้าน น้ำส้มคั้นที่ได้นั้นถูกปรุงแต่งและเก็บรักษาไว้ในตู้แช่อย่างดี และในวันนั้น มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้าภัตตาคารนั้นมา และมีความประสงค์ที่จะลงเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อชมทิวทัศน์ในยามค่ำคืนด้วย ฝ่ายหญิง ... " น้ำส้มคั้นแก้วหนึ่งค่ะ " และแล้วน้ำส้มคั้นแก้วที่วางอยู่ตรงหน้าหญิงสาวผู้นั้น ถูกเสริฟโดย บริกรในชุดประจำร้านที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านนั้น แก้วที่ใช้เป็นทรงสูงมีก้านสำหรับจับ หลอดเป็นหลอดพลาสติกใสตรงปลายหลอดงอได้ สิ่งที่โดดเด่นนั้นอยู่ตรงที่บริเวณขอบปากแก้วนั้น มีส้มที่ถูกฝานเป็นวงกลมเสียบอยู่ เมื่อเรือจะเข้าเทียบฝั่ง ... สิ่งที่ปรากฎในบิลนั้น ... 100 บาท เป็นราคาของน้ำส้มแก้วนี้ ส้มผลที่แปด อยู่กับคลับเฮาซ์สุดหรูย่านปทุมธานี และเช่นเดียวกันส้มผลนี้ไว้ถูกทำเป็นน้ำส้มคั้นเหมือนกัน ถูกปรุงแต่งโดยบาร์เทนเดอร์มือหนึ่ง น้ำส้มคั้นที่ได้นั้นถูกปรุงแต่ง และเก็บรักษาไว้ในตู้แช่อย่างดีเช่นเดียวกัน ในค่ำคืนนั้นมีงานราตรีของกลุ่มสาวไฮโซกลุ่มหนึ่ง และหนึ่งในนั้นก็สั่ง ... " น้ำส้มคั้นหนึ่ง " ... น้ำส้มคั้นแก้วนี้ถูกเสริฟโดยบริกรหนุ่มหน้าตาคมสันคนหนึ่ง มาในชุดทักซิโดที่ตัดด้วยผ้ามูนอย่างดี สิ่งที่อยู่บนฝ่ามือของบริกรหนุ่มคนนั้นคือ ถาดสีเงิน บนถาดนั้นมีแก้วน้ำส้มคั้นตั้งอยู่ แก้วที่บรรจุน้ำส้มคั้นใบนี้ ป็นแก้วคริสตัลทรงสูงเจียรนัยอย่างดี เป็นแก้วที่สั่งทำเป็นพิเศษตรงขอบปากแก้ว มีส้มกลีบหนึ่งที่ถูกแกะสลักเป็น รูปนกตัวหนึ่งเกาะ(เสียบ)อยู่ที่ปากแก้วนั้น หลอดที่ใช้เป็นหลอดแก้วใส บนถาดใบนั้นที่มาพร้อมแก้วคริสตัล มีสลิปบัตรสมาชิกคลับเฮาซ์แนบมาด้วย ... 300 บาท ... ก่อนที่หญิงผู้นั้นจะจดปากกาเซ็นลงไป ส้มผลที่เก้า อยู่กับโรงแรมแห่งหนึ่งย่านริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และเช่นเดียวกันส้มผลนี้ไว้ถูกทำเป็นน้ำส้มคั้ เหมือนกัน ถูกปรุงแต่งโดยบาร์เทนเดอร์มือหนึ่ง น้ำส้มคั้นที่ได้นั้นถูกปรุงแต่ง และเก็บรักษาไว้ในตู้แช่อย่างดี ค่ำคืนนี้ ห้องอาหารชั้น Sky Top มีโอกาสต้อนรับหนุ่มสาวชาวต่างประเทศคู่หนึ่ง ที่เลือกสถานที่แห่งนี้เป็นที่ดินเนอร์ เนื่องในโอกาสฉลองสมรส และเลือกเมืองไทยเป็นที่ฮันนีมูน เมื่อหาที่นั่งในห้องอาหารแห่งนี้ได้แล้ว ณ มุมมองตรงนั้น สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเกาะรัตนโกสินทร์อย่างชัดเจน ตลอดจนสายน้ำที่ทอดยาวของลำน้ำเจ้าพระยา เมื่อทอดสายตามองยาวออกไป จะมองเห็นสะพานแขวนที่ถูกประดับประดาไปด้วยแสงไฟอย่างสวยงาม หลังจากพักผ่อนอิริยาบทสักพักหนึ่งแล้ว ฝ่ายหญิงจึงกล่าวกับบริกรว่า ... " Orangeade " ... และฝ่ายชายว่า ... " American Expresso " ... สักพักบริกรที่อยู่ในชุดไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นท่านนั้นกลับมา พร้อมกับกาแฟร้อน และน้ำส้มคั้นแก้วหนึ่ง แก้วนั้นเป็นแก้วคริสตัลอย่างดี ตรงฐานแก้ว และขอบปากแก้วเคลือบด้วยทอง 18 เค ถัดจากฐานรองแก้วตรงขอบที่เคลือบทองขึ้นมา และถัดจากขอบที่เคลือบทองที่ปากแก้วลงมาถูกเจียรนัยตกแต่งอย่างดี เมื่อแสงไฟตกกระทบถูกแก้วเจียรนัยใบนี้จะเป็นประกายแวววับ ยิ่งภายในใช้บรรจุน้ำส้มคั้นด้วยแล้วยิ่งทำให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ตรงกลางของแก้วใบนี้ มีตราสัญลักษณ์ของโรงแรมแห่งนี้ติดอยู่ เป็นเคลือบทอง 18 เค เช่นเดียวกัน หลอดที่ใช้เป็นหลอดแก้วใส ตรงปลายได้ขดเป็นเกลียว ตรงขอบปากแก้วมีดอกกล้วยไม้ที่มีชื่อว่า " ช้างเผือก " เสียบอยู่ เมื่อแสงไฟที่เป็นหลอด Black Light ส่องมากระทบกับ " ช้างเผือก " ดอกนี้ จะเกิดเป็นสีขาวเรือง ๆ ขึ้นมาอย่างสวยงาม บริกรโค้งคำนับก่อนที่จะเสริฟ และโค้งคำนับเมื่อเสริฟเสร็จแล้ว หลังจากที่หนุ่มสาวคู่นี้ดื่มด่ำกับบรรยากาศในค่ำคืนนี้พอสมควรแล้ว ฝ่ายชายจึงกล่าวกับบริกรขึ้นว่า ... " Cash Please " บริกรโค้งคำนับ ก่อนที่จะเดินไปที่แคชเชียร์ Ticket ที่ออกมา ... Orangeade 500 Baht ...

นิทานเรื่อง ตัวอิจฉา

Forwarded Message ---- From: }T!T{ To: Sent: Sun, May 16, 2010 9:11:07 PM Subject: [noolex] นิทานเรื่อง ตัวอิจฉา

เรื่อง มันมีอยู่ว่า ลิงกับหมูเป็นเพื่่อนร่วมชั้นเรียนเดียวกันนั้งอยู่ติดกันหมูจริงใจกับลิงมาก แต่ลิงไม่จริงใจกับหมู แม้เวลาพูดหรือคุยกับหมูดีแต่ในใจกลับคิดอีกอย่าง เพราะว่าลิงนั้นอิจฉาที่หมูทั้งเรียนเก่งและเล่นกีฬาเก่งกว่าตัวเอง แต่ใช่ว่าหมูจะมีนิสัยที่ดีทุกอย่าง นิสัยไม่ดีของหมู คือชอบแอบขโมยของกินคนอื่น ลิงก็รู้ว่าหมูมีนิสัยแบบนี้จึงแอบจับผิดหมู วันหนึ่งหมูเห็นมันฝรั่งของหมีแล้วอยากกินมากพอพักกลางวัน ไม่มีคนอยู่ในห้องหมูจึงแอบย่องไปเอามันฝรั่งของหมี และโชคร้ายที่ลิงมาแอบเห็นพอดี ลิงได้ขู่หมูว่าจะไปบอกความจริงกับหมี ถ้าหมูไม่ให้ลิงลอกการบ้านและให้ลิงลอกข้อสอบ ตอนสอบ หมูรู้สึกสำนึกผิดและไม่ต้องการให้ลิงไปบอกความจริงกับหมี จึงตัดสินใจไปบอกความจริงกับหมีเอง เมื่อหมีรู้ความจริงก็ไม่โกรธแต่อย่างใดเพราะหมี เห็นว่าหมูนั้นไม่ได้ทำอะไรที่ร้ายแรงมาก และบอกหมูว่าดีนะที่มาขโมยมันฝรั่งของหมี เพราะถ้าไปขโมยของคนอื่นคนอื่นเค้าอาจจะโกรธและไม่ ให้อภัยเลยก็เป็นไปได้ พอหมูได้ฟังก็รู้สึกเสียใจมากกับสิ่งที่ทำไปและ ให้คำมั่นสัญญากับหมีว่าตนจะไม่ขโมยของใครอีกต่อไป หมีก็ดีใจมากที่หมูยอมกลับตัว แต่ว่าลิงไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่หมูไม่โดนว่าอะไรเลยจึงได้แต่ยืนมอง และโมโหอย่างมาก - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻ - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า การลักขโมยเป็น สิ่งที่ไม่ดีนะจ้ะ น้องๆหนูๆ การรู้จักให้อภัย เป็น สิ่ง ที่ดี นะครับบบ ^^

วันนี้มีไว้สำหรับแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัว

รู้จักขอบคุณเมื่อได้รับ ขออภัยเมื่อผิดพลาด คือสิ่งที่สมาชิกกลุ่มพึงกระทำ **** กติกา ง่ายๆ ในกลุ่ม 0. ห้ามโพสเรื่องการเมือง หรือถกเถียงเรื่องการเมืองที่ จะก่อความวุ่นวายภายในกลุ่ม ฝ่าฝืนแบนทันทีโดยไม่แจ้งให้ทราบ 1. ห้ามโพสรูปภาพหรือข้อความที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางเสื่อมเสีย 2. ห้ามใช้วาจาหยาบคาย ห้ามบ่นว่าเมล์ หรือ reply เยอะ 3. ห้ามโฆษณาที่หวังผลประโยชน์ทางการค้า ใครโพสแบนทันทีโดยไม่แจ้งให้ทราบ 4. ไม่ได้รับเมล์อีกกดลิงค์นี้ http://groups.google.com/groups/bounced 5. กรุณาใช้ถ้อยคำที่สุภาพ 6. ห้ามส่ง Invite เวปบิทเข้ากรุ๊ปโดยเด็ดขาด 7. ห้ามใช้ตัวหนังสือ สีแดงใหญ่ในการโพสเมล์ปกติ - ส่งเมล์เข้ากลุ่มได้ที่ - สมัครรับเมล์-ส่งเมล์เปล่ามาที่ noolex+ - ลาออกจากกลุ่ม-ส่งเมล์เปล่ามาที่ noolex+ * ทั้งสมัครและลาออก ต้องยืนยันลิงค์จากระบบทุกครั้ง อย่าลืมนะคะ มีอะไรก็แบ่งปัน ^ นู๋เล็ก ^ Group's Owner

อย่าไปให้ความสำคัญกับใครบางคน

เมื่อทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกันอย่างสมดุล

ไม่ต้องสาธยายเกี่ยวกับตัวคุณให้ใครฟังหรอก เพราะคนที่ชอบคุณ ยังไงเขาก็ชอบ และไม่ต้องการฟังมัน แต่คนที่เกลียดคุณ ยังไงเขาก็ไม่เชื่อคุณหรอก

เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณยุ่ง คุณก็จะไม่ว่างเลย เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณไม่มีเวลา คุณก็จะไม่มีเวลาเลย เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณจะทำในวันพรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้จะไม่มีวันมาถึงเลย


เมื่อเราตื่นขึ้นมาในยามเช้า เรามีทางเลือกง่ายๆ 2 อย่าง กลับไปนอนและฝันหวานต่อ หรือ ลุกขึ้นมาแล้วทำความฝันให้เป็นจริง มันก็แล้วแต่คุณจะเลือกแล้วล่ะ

เรามักทำให้คนที่เป็นห่วงเราต้องร้องไห้ เรามักร้องไห้ให้กับคนที่ไม่เคยใส่ใจเรา และเรามักใส่ใจกับคนที่ไม่มีวันร้องไห้ให้เรา นี่คือความจริงของชีวิต เป็นเรื่องแปลกแต่จริง ถ้าเห็นคุณเห็นด้วย มันก็ยังไม่สายเกินแก้
เมื่อคุณกำลังสนุกสนาน ก็อย่ารับปากพล่อยๆ เมื่อคุณกำลังเศร้า ก็อย่าได้ตอบกลับ เมื่อคุณกำลังโกรธ ก็อย่าไปตัดสินใจอะไร คิดให้ถี่ถ้วน ทำอย่างสุขุม
เวลาก็เหมือนสายน้ำ คุณไม่มีทางสัมผัสน้ำเดียวกันได้สองครั้งหรอก เพราะมันได้ไหลผ่านไปแล้ว มีความสุขกับทุกช่วงชีวิตของเราดีกว่า... ส่งให้ใครก็ได้ที่คุณห่วงใย หากคุณได้รับคืน หมายถึง คุณได้พบเพื่อนแท้แล้ว

ถึงคำว่า "เพื่อน"

ที่มีเหตุผล ทำให้เรารู้จักและยอมรับในกฎเกณฑ์ของสังคม ...

... และอยู่ร่วมกันในสังคมได้ ...

... แต่ระหว่าง "เพื่อน" ... ... ถ้าใช้แค่เพียง "เหตุผล" อาจจะไม่พอ ...



... เพราะแต่ละคนก็มีเหตุผลของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ...

... และเมื่อต่างยึดมั่น ถือมั่น ... .. ในเหตุผลของตนเอง ... ... ทัศนคติก็จะไม่ตรงกัน ...



... ทำให้เพื่อนลืมไปว่า ...
... เราเป็นอะไรที่มากกว่า แค่ "คนรู้จัก" กัน ...



... สิ่งที่สำคัญกว่าเหตุผลคือ "ความเข้าใจ" ...
... แม้ทัศนคติจะไม่ตรงกัน แต่เพื่อนก็อยู่ด้วยกันได้ ...
... แค่ทำความเข้าใจในตัวตนของกันและกัน ...



... และสิ่งนี้แหละ ทำให้เกิดคำว่า "เพื่อน" ทำให้เราเป็นมากกว่า ...
... แค่ "คนรู้จัก" กัน ...
ความจริงมีเพียงหนึ่ง
นอกนั้น กิเลส ตัณหา อุปทาน ทั้งน้านน